ครม.อิ๊งค์ 1/2 เริ่มตั้งลำทำงาน ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่มีความแน่นอนในสถานภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัย ในคดีที่ สว.ยื่นเรื่องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีคลิปเสียงเจรจากับฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาซึ่งมีความเป็นไปได้แค่ 2 ทาง คือ ถ้าศาลฯวินิจฉัยชี้ขาดว่า น.ส.แพทองธาร ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา ก็กลับมาทำหน้าที่นายกฯ บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ แต่หากศาลฯตัดสินให้ น.ส.แพทองธาร สิ้นสถานภาพความเป็นรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งนายกฯ สถานการณ์ก็จะไปถึงจุดที่ต้องมีการเลือกนายกฯคนใหม่ในสภาฯโดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ สส.โหวตเลือกนายกฯ จากบุคคลที่มีชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคการเมือง ที่ยื่นไว้ต่อ กกต. อาทิ ชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทย อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯทั้งนี้ หากจะต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แม้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ แต่ก็มีแค่ 261 เสียง ปริ่มน้ำเต็มที ขณะที่ฝ่ายค้าน 5 พรรค ที่มีพรรคประชาชนเป็นแกนนำ มี 253 เสียง ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคหันไปโหวตให้แคนดิเดต นายกฯของพรรคอื่น ก็มีโอกาสพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลในสถานการณ์เช่นนี้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) รีบประกาศข้อเสนอว่าพรรค ปชน.142 เสียง พร้อมจะโหวตให้นายกฯคนใหม่คนใดก็ตาม โดยไม่ร่วมรัฐบาล แต่มีเงื่อนไข รัฐบาลใหม่ต้องอยู่แค่เฉพาะกิจเพื่อเตรียมเลือกตั้ง ทำประชามติให้มี สสร. จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภาฯภายในปีนี้อ้างว่าข้อเสนอนี้เพื่อไม่ให้ประเทศ ถูกบีบไปสู่ทางตัน หรือมีการใช้อำนาจนอกประชาธิปไตย ในกรณี น.ส.แพทองธาร มีอันต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ป้องกันไม่ให้กระแสอารมณ์ทางสังคมนำไปสู่การเรียกร้องให้มีนายกฯนอกระบบ ทั้งนี้ หากรัฐบาลใหม่ไม่ทำตามเงื่อนไข พรรค ปชน. จะใช้ทุกกลไกสภาฯ เพื่อล้มรัฐบาลโดยทันทีทั้งนี้ ข้อเสนอของผู้นำฝ่ายค้าน ถือว่ามีเหตุมีผลในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อที่นายกฯอาจต้องหลุดจากตำแหน่ง เพียงแต่การเร่งให้ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ใครๆต่างก็มองออกว่าพรรค ปชน. แฝงการชิงความได้เปรียบเรื่องกระแสในสนามเลือกตั้ง แต่พรรคอื่นๆก็คงยากจะขานรับการยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ในช่วงที่ตัวเองกระแสตกเป็นรอง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม