ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติบุหรี่เถื่อนครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากผลสำรวจล่าสุดของอุตสาหกรรมยาสูบในไตรมาสแรกของปี 2568 อัตราการบริโภคบุหรี่เถื่อนของคนไทย พุ่งสูงถึง 28.1% (เพิ่มขึ้น 2.7% จากการสำรวจครั้งก่อนในไตรมาส 3 ของปี 2567) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้กรมสรรพสามิตทุ่มเทปราบปรามอย่างหนัก สามารถจับกุมสินค้ายาสูบเลี่ยงภาษีได้ถึง 10,966 คดี เป็นหมวดหมู่คดีที่มากสุดของกรมสรรพสามิต ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 แต่วิกฤติบุหรี่เถื่อนก็ยังคงเลวร้ายลงเรื่อยๆปัจจัยหนุนให้บุหรี่เถื่อนลุกลามอย่างรวดเร็วมีทั้งฝั่ง อุปสงค์ และอุปทาน ในด้านอุปสงค์ แม้บุหรี่เถื่อนมีอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า บุหรี่ถูกกฎหมาย เพราะไม่ได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานใดๆ แต่ผู้บริโภค ก็นิยมบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลหลักคือ ราคาถูกกว่ามาก แถมยัง หาซื้อง่าย ทั้งจากช่องทางออนไลน์และตามแหล่งขายทั่วไปเมื่อมีความต้องการสูง ตามกลไกตลาดย่อมมีผู้จัดหาสินค้าเข้ามาตอบสนองทันที หนำซ้ำปัจจัยในด้านอุปทานยังสร้างปัญหาที่ซับซ้อนและน่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะบุหรี่เถื่อนทะลักเข้ามาใน ประเทศไทย ผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งช่องทางบก ตามพรมแดน ธรรมชาติและช่องทางทะเลที่หนักหนาสาหัสที่สุดคือ ช่องโหว่ของกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแจ้งสำแดงสินค้าเป็น “สินค้าผ่านแดน” ไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งไม่มี การเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจสอบว่าสินค้าภายในตรงกับที่สำแดงหรือไม่ เพราะแค่ขอผ่านแดนไปประเทศปลายทาง แต่ปรากฏว่าหลังจากผ่านพิธีศุลกากรขาออกจากไทยอย่างถูกต้องแล้ว สินค้าเหล่านี้กลับถูกถ่ายโอนด้วยวิธีต่างๆ เช่น ลงเรือประมงขนาดเล็กเพื่อวนกลับมาขายในไทยอย่างผิดกฎหมายการบริโภคบุหรี่เถื่อนที่สูงถึง 28.1% เทียบเท่ากับปริมาณบุหรี่ที่บรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 700 ตู้ต่อปี สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นรายได้ภาษีสรรพสามิตและภาษีอื่นๆของรัฐที่หายไปกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท รายได้ของร้านค้าถูกกฎหมายราว 2.3 พันล้านบาท และรายได้ของเกษตรกรชาวไร่ยาสูบอีกกว่า 260 ล้านบาท เม็ดเงินเหล่านี้ที่หายไปมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศ และการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความหละหลวมและช่องว่างในการบังคับใช้ กฎหมาย ที่เอื้อประโยชน์ให้กับขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนอย่างมหาศาลการจะแก้ไขปัญหาวิกฤติบุหรี่เถื่อนให้ได้ผล จำเป็นต้องอาศัยมาตรการที่เด็ดขาดและครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผมอยากเรียกร้องให้รัฐบาลระดมปราบปรามในพื้นที่สำคัญ จังหวัดสตูล สงขลา พัทลุง ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ที่พบบุหรี่เถื่อนมากที่สุดในไทย และยังเป็นพื้นที่กักตุนสินค้าก่อนส่งผ่านระบบขนส่งพัสดุกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้น ภาครัฐควรเอาจริงเอาจังกับการคัดแยกสินค้าของผู้ให้บริการขนส่งด้วย นอกจากนี้ต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่ยังมีช่องโหว่ เพื่อตรวจสอบสินค้าผ่านแดนให้เข้มงวดยิ่งขึ้นส่วนความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเฉพาะชาติอาเซียนอย่างกัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่เป็นต้นทางที่สำคัญของการส่งออกบุหรี่เถื่อน รัฐบาลควรเร่งสร้างความร่วมมือพัฒนาระบบแบ่งปันข้อมูลศุลกากรซึ่งกันและกัน ตรวจสอบบุหรี่ก่อนส่งออกว่ามีลักษณะบรรจุภัณฑ์ตรงกับข้อบังคับของประเทศปลายทางหรือไม่ เพื่อเป็นการสกัดกั้นบุหรี่เถื่อนตั้งแต่ต้นทางปัญหาบุหรี่เถื่อนถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่กัดกร่อนสังคมไทยอย่างรุนแรงจากภายนอกถึงภายใน ผมอยากให้กระทรวง การคลังมองปัญหาให้ลึกกว่าที่เป็นอยู่ และแสดงความเด็ดขาดในการแก้ไขวิกฤติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม