ศาล รธน.เสียงเอกฉันท์รับคำร้อง สว. สอย “อิ๊งค์” เซ่นปมคลิป“ฮุน เซน” มติ 7 ต่อ 2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯน้อมรับมติ ลั่นทำทุกอย่างเกินร้อยเพื่อชาติ จะพยายามพิสูจน์เจตนาดีนี้ให้ได้ ขอโทษหากทำให้ใครไม่สบายใจ โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “ครม.อิ๊งค์ 1/2” รวม 14 ตำแหน่ง “แพทองธาร” นั่ง รมว.วัฒนธรรมอีกเก้าอี้ “ภูมิธรรม” สมใจรองนายกฯควบมหาดไทย “ปลัดตุ๋ม” รมว.พาณิชย์ “สุริยะ” รักษาการณ์นายกฯนำ ครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ 3 ก.ค. “อิ๊งค์” น้อมรับพระมหากรุณาธิคุณ ย้ำกลางวง ครม.ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นงานต้องเดินหน้า “ท็อป” เคลียร์ใจ “ประภัตร” เชื่อไม่ทิ้งกัน “เฮ้ง” ไม่น้อยใจนั่งที่เดิม คุยมีมากกว่า 18 เสียงแต่ไม่เอามาต่อรอง “ภราดร” แซะ รมต.ใหม่เหลือเวลาไม่ถึงไตรมาส “ไหม” หยัน ครม.ต่างตอบแทนอยู่ไม่ยืด ศาลอาญาสืบพยานคดี 112 นัดแรก “ทักษิณ” ตั้งใจมาฟังเองทุกนัด ศาลสั่งห้ามคู่ความเปิดเผยข้อมูลเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรีรวม 14 ตำแหน่งโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ครม.อิ๊งค์ 1/2เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 ก.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่าตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 16 ส.ค.2567 และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 3 ก.ย.2567 นั้น บัดนี้ นายกฯได้กราบบังคมทูลว่าได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างและปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย“อ้วน” รองนายกฯควบมหาดไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย 2.นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 3.น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 4.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ 5.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ 6.นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.ศึกษาธิการ 7.นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย 8.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงานตามโผนายกฯควบ รมว.วัฒนธรรม9.น.ส.แพทองธารเป็น รมว.วัฒนธรรม อีก 1 ตำแหน่ง 10.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ 11.น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ 12.นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.ศึกษาธิการ 13.นายอนุชา สะสมทรัพย์ รมช.สาธารณสุข และ 14.นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข ประกาศ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯเบ็ดเสร็จเข้าใหม่ 9 พ้นเก้าอี้ รมต.2ในจำนวนนี้เป็นรัฐมนตรีใหม่ รวม 9 คน ประกอบด้วย นายสุชาติ ตันเจริญ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นายจตุพร บุรุษพัฒน์ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.พาณิชย์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ นายอนุชา สะสมทรัพย์ และนายชัยชนะ เดชเดโช และมีพ้นจากตำแหน่ง 2 คน คือนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในส่วนกระทรวงกลาโหมมีรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม จะทำหน้าที่รักษาการ เพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ “บิ๊กแก้ว” อดีต ผบ.ทสส. ที่จะพ้นจากตำแหน่ง สว. ครบ 2 ปีในวันที่ 30 ก.ย.นี้ มาเป็น รมว.กลาโหมเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ 3 ก.ค.ต่อมาเวลา 08.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประกาศโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการนำ ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ วันที่ 3 ก.ค. เวลา 11.00 น. เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยรับคำร้องของ สว. คดี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กรณีคลิปเสียง เลขาธิการ ครม.ตอบว่าต้องรอดูก่อนว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ขออนุญาตยังไม่ออกความเห็น“อิ๊งค์” น้อมรับพระมหากรุณาธิคุณน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรีว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ ผู้สื่อข่าวถามว่าขั้นตอนหลังจากนี้เป็นอย่างไร น.ส.แพทองธารตอบว่า ให้รอดู เมื่อถามว่าตื่นเต้นหรือไม่ น.ส.แพทองธารยิ้มให้สื่อแต่ไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ใส่ชุดสีเขียววันนี้ดูสีสันสดใส น.ส.แพทองธารตอบสั้นๆว่า “ค่ะ” เมื่อถามว่ามีการวางแผนงานในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมไว้อย่างไร น.ส.แพทองธารตอบว่า มีการเตรียมแผนไว้บ้างแล้ว เมื่อถามว่า การเว้นว่างตำแหน่ง รมว.กลาโหมเพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารยิ้มแต่ไม่ตอบคำถามสยบเคลื่อนไหวไม่ให้สัมภาษณ์สื่อจากนั้น น.ส.แพทองธาร เป็นประธานการประชุม ครม. มีรัฐมนตรีขอลาประชุม 3 คน คือ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที หลังเสร็จสิ้นการประชุมนายกฯไม่ได้ยืนแถลงข่าวที่โพเดียมเหมือนทุกครั้ง โดยเดินออกจากตึกบัญชาการ 1 ไปยังตึกไทยคู่ฟ้าทันที มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เดินตามไปด้วย ทำให้ผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่นั่งรอการแถลงข่าวต้องรีบวิ่งตามไปสัมภาษณ์ชมเปาะ รมช.กลาโหมทำงานดีมากผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า กรณียังไม่แต่งตั้ง รมว.กลาโหมคนใหม่ จะทำให้มีปัญหางานชายแดนสะดุดหรือไม่ นายกฯตอบว่า ไม่สะดุด มี รมช.กลาโหมทำงานอยู่แล้ว และทำงานได้ดีมาก เมื่อถามอีกว่า ความเป็นไปได้ในการเว้นตำแหน่งเพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด น.ส.แพทองธารตอบว่า ยังไม่ทราบ เดี๋ยวรอดู แต่ รมช.กลาโหมถืองานไว้เยอะอยู่ เมื่อถามว่าเชื่อมือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม หรือไม่ แต่ น.ส.แพทองธารไม่ตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่าจะไม่สร้างแรงกระเพื่อมในเหล่าทัพใช่หรือไม่ นายกฯไม่ตอบคำถามดังกล่าวเช่นกัน พร้อมเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันทีไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นงานต้องเดินหน้าผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ครม.มีการดึงวาระพิจารณาบางเรื่องออก เช่น วาระเสนอแต่งตั้งรองนายกฯ เพื่อรักษาราชการแทนนายกฯ กรณีที่นายกฯไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยที่ประชุมเห็นว่ายังไม่เหมาะสม รอให้รองนายกฯและรัฐมนตรีใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ได้หารือเกี่ยวกับอำนาจ รมช.กลาโหม ที่ต้องรักษาการ รมว.กลาโหม กับนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งนายปกรณ์อธิบายว่า รักษาการ รมว.กลาโหมมีอำนาจเต็มเหมือน รมว.กลาโหม และช่วงท้ายนายกฯพูดเปรยกับรัฐมนตรีในทำนองว่า ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรหากท่านใดมีอะไรจะปรึกษาตนเพิ่มเติม สามารถนัดกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ได้ เพราะงานต้องเดินไปข้างหน้า ไม่อยากให้ติดขัด แต่คิดว่าโดยรวมน่าจะไม่มีปัญหาอะไร“สุริยะ” พร้อมเป็นกุนซือหลานรักนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลานชายได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.แรงงานว่า การพิจารณาเป็นอำนาจของนายกฯ นายพงศ์กวินเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารพรรค นายกฯคงเห็นว่ามีผลงานเรื่องการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถึงประชาชน รวมถึงการทำหน้าที่ดูแลสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) อยู่ตลอดเวลา เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ รัฐมนตรีทุกคนต้องทุ่มเททำงาน เพราะขณะนี้มีปัญหาที่รุมเร้า ต้องเร่งสร้างผลงานมัวแต่ฮันนีมูนไม่ได้ นายพงศ์กวินก็ต้องทำเช่นกัน โดยเฉพาะการดูแลผู้ใช้แรงงานให้ได้สิทธิคุ้มครองและสวัสดิการที่ดี จะให้คำปรึกษานายพงศ์กวินในฐานะที่เป็นหลาน“ภูมิธรรม” ชม “บิ๊กเล็ก” รู้เรื่องหมดนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การเว้นว่างตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ยังทำหน้าที่ได้อยู่ เคยดำรงตำแหน่งทั้งรอง ผบ.ทบ. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ รมว.กลาโหม จนมาเป็น รมช.กลาโหม ท่านรู้เรื่องหมดสามารถทำงานได้ เนื่องจากมีความรอบรู้ เป็นนักประสานงานที่ดี เชื่อมือท่านว่าจะทำงานต่อไปได้ เมื่อถามว่าเหตุใดต้องเว้นว่าง รมว.กลาโหม นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ทราบว่านายกฯคิดอะไร ขณะนี้เป็นการพ้นไปเฉพาะหน้า พล.อ.ณัฐพล คงทำงานได้อยู่ ส่วนกระแสข่าวรอ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ มาเป็นนั้น ไม่ทราบ ต้องถามนายกฯเชื่อมั่น “อิ๊งค์” ทุ่มเทนึกถึงแต่ประเทศเมื่อถามว่าโปรดเกล้าฯลงมาวันนี้ประเมินว่าจะส่งผลอะไรกับการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีอะไร เราเป็นคณะรัฐมนตรี ใครจะพ้นใครจะอยู่ อยู่บนฐานที่ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อ หยุดไม่ได้แม้แต่วันเดียว ต้องรีบทำงาน รัฐมนตรีใหม่ต้องพร้อมทำงาน และเชื่อมั่นว่านายกฯยังสามารถนำพาประเทศแก้ไขปัญหาต่างๆ เมื่อถามว่ามองทิศทางการเมืองที่มีการใช้นิติสงครามอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ทราบ แต่เราเชื่อมั่นนายกฯเชื่อว่าสิ่งที่ท่านทำ ไม่มีปัญหา มั่นใจว่า น.ส.แพทองธารจะเป็นผู้นำในการทำงานของเราได้เสมอ แต่เมื่อมีเรื่องฟ้องร้องก็ว่าไปตามกระบวนการ ไม่เคยนำสิ่งนั้นมาทำให้เราหยุดนิ่ง ทางการเมือง นายกฯก็ยังทำงานอยู่ตลอด เชื่อว่าหากติดตามการทำงานจะเห็นว่าท่านเป็นคนมีความมุ่งมั่น และเห็นถึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวว่า เก้าอี้ รมว.กลาโหมถูกปล่อยว่าง ไม่ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนการทำหน้าที่รักษาการ ต้องรอนายกฯ และรอมติ ครม.“ท็อป” เคลียร์ใจ “ประภัตร” จบแล้วนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า การแต่งตั้งนายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรค ชทพ. เป็น รมช.สาธารณสุข เป็นการพิจารณาของพรรค และหลายฝ่ายเห็นถึงความเหมาะสมตรงกัน เลยเสนอชื่อนายอนุชาไป นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ชทพ. เป็นผู้ใหญ่ในพรรค การทำงานที่ผ่านมามีการพูดคุยกันตลอด เมื่อถามว่าไม่มีการน้อยใจลาออกจากพรรคใช่หรือไม่ นายวราวุธตอบว่า คงไม่มี เคลียร์กันแล้ว หลังจากนี้จะยกทีมไปให้กำลังใจนายประภัตร เพราะเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ทำงานตั้งแต่พรรคชาติไทย (ชท.) มาจนพรรค ชทพ. เป็นผู้ใหญ่ที่คอยเป็นหางเสือกับพวกเราตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค ชท. เชื่อว่านายประภัตรยังทำงานเต็มที่และอยู่กับพรรคต่อ เมื่อถามว่าการให้โควตากับกลุ่มนครปฐม เป็นการซื้อใจให้ยังอยู่กับพรรคในการเลือกตั้งข้างหน้าหรือไม่ นายวราวุธตอบว่า คิดว่าเป็นความเหมาะสมที่หลายฝ่ายเห็นตรงกัน“เฮ้ง” ไม่น้อยใจนั่งที่เดิม รมช.พาณิชย์นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เรื่องการแต่งตั้ง ครม.เป็นดุลพินิจของนายกฯ เราในฐานะ รัฐมนตรีและนักการเมือง ไม่มีสิทธิไปคิดแทน สิ่งที่ ออกมาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ นายสุชาติตอบว่า ไม่มี เราไม่ได้มาทำเพื่อ ตัวเอง แต่ทำเพื่อให้รัฐบาลเดินได้ อย่าไปยึดติดกับมัน เราอยู่ในจุดนี้ได้ก็ต้องขอบคุณนายกฯอยู่แล้ว ทุกคน ต้องเคารพต่ออำนาจของนายกฯ ตนไม่ได้ยึดติด แต่เพื่อนบางคนอาจมีบ้าง เพราะอยากเห็นเราไปทำงานช่วยประชาชนได้มากกว่าเดิม แต่ก็ต้องค่อยๆ คุยปรับความรู้สึกกัน เมื่อถามว่าปัญหาแบ่งเก้าอี้ภายในพรรค รทสช.จบแล้วหรือไม่ นายสุชาติตอบว่า มองข้ามเรื่องนั้นไปหมดแล้ว เมื่อถามว่า จะสามารถร่วมงานกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ คนใหม่ได้หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า ส่วนตัวรู้จักมานาน 10 กว่าปี งานในกระทรวงพาณิชย์ข้าราชการประจำเก่งอยู่แล้ว ขอให้สบายใจได้คุยมีมากกว่า 18 แต่ไม่เอามาต่อรองเมื่อถามถึงทิศทางกลุ่ม 18 หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายสุชาติตอบว่า เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย. เราอยู่ด้วยกันครบ 18 คน ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องกับ รัฐบาลและนายกฯ เราก็ออกมายืนยันสนับสนุนนายกฯ เป็นกลุ่มแรก ยืนหยัดเคียงข้างกัน วันหนึ่งหากมีสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษแล้วเรากระโดดหนี ใครจะคบกับเรา ก็ต้องไปด้วยกัน และสนับสนุนในการโหวต เมื่อถามว่าจะมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มในกลุ่ม 18 หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. คุยกันมากกว่า 18 คน แต่ไม่ได้เอาตัวเลขมาแข่งขันกัน ส่วนทิศทางการโหวตเดี๋ยวคงเห็น เมื่อถามว่าในพรรค รทสช.ไป ด้วยกันไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า ความคิด ต่างกัน กาลเวลาพิสูจน์แล้ว ไม่ทะเลาะกันดีกว่าแซะ รมต.ใหม่มีโอกาสทำงานไหมด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.แพทองธาร 1/2 ว่า ให้สังคมวิจารณ์ดีกว่า แต่ให้กำลังใจ ให้ลองทำงานดูก่อน อย่าพึ่งติติงตั้งแต่ต้น ให้โอกาสทำงาน 2-3 เดือนก็ตอบได้แล้วทำงานได้หรือไม่ แต่ต้องดู จะมีโอกาส 2-3 เดือนหรือไม่ ส่วนที่นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม รองรับกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ นั้น เป็นอำนาจนายกฯ ตั้งใครมาเป็นรัฐมนตรี แม้กระทั่งตั้งตัวเอง แต่สังคมจะให้คำตอบบรรทัดสุดท้ายว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดี มากน้อยแค่ไหนภท.จ่อล็อบบี้เติมเสียงยื่นซักฟอกนายภราดรกล่าวอีกว่า ส่วนการยื่นญัตติอภิปราย ไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ที่ยังรวบรวมเสียงได้ไม่ครบ 99 เสียงนั้น ต้องรอคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะประชุมวิปฝ่ายค้านวันที่ 2 ก.ค. เพื่อหารือ ว่า พวกเรามีความเห็นว่าถึงเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ และรัฐมนตรีบางคนแล้ว พรรคฝ่ายค้านอื่นมีความเห็นอย่างไร พรรคภูมิใจไทยมี 69 เสียง พรรค พลังประชารัฐมี 19 เสียง รวม 90 เสียง ไม่พอยื่นญัตติ ต้องไปหาให้ครบ 99 เสียง จะไปพูดคุยพรรคประชาชน และพรรคฝ่ายค้านอื่น หากยื่นญัตติได้จะพูดคุยกันว่า ใครมีข้อมูลไม่ชอบมาพากลของนายกฯและรัฐมนตรี เอาข้อมูลมากองรวมและแบ่งการอภิปราย“ไหม” หยัน ครม.ชุดนี้อยู่ไม่ยืดแน่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า ดูหน้าตา ครม.แพทองธาร 1/2 ถือว่าแปลกประหลาดมากที่ให้ รมช.กลาโหมรักษาการด้านความมั่นคง ส่วนเรื่องเศรษฐกิจแม้แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่การเอาอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ยังอยู่ตำแหน่งเดิม ถือว่าน่าผิดหวังสำหรับการปรับ ครม.ครั้งนี้ แบ่งเก้าอี้ เพื่อคงเสถียรภาพรัฐบาล มากกว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ แค่เกลี่ยเก้าอี้ให้ลงตัวมากกว่าเลือกคนมีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง หากดูจากสภาพแล้ว เรามองว่าไม่น่าจะอยู่ครบวาระแน่นอน เพียงแค่จะไป จบลงที่ตรงไหน แค่มีรายชื่อ ครม.ออกมาก็มีการส่ง สัญญาณไม่พอใจ ขู่ถอนตัวตลอดเวลา ด้วยเสียงที่ก้ำกึ่ง รัฐบาลอยู่ไม่ครบวาระแน่นอน เป็น ครม.ต่างตอบแทนลุ้นศาล รธน.เริ่มประชุมปรึกษาคดีวันเดียวกัน เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเริ่มประชุมปรึกษาคดีประจำสัปดาห์ เพื่อพิจารณาคำร้องต่างๆ มีคำร้องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนคือกรณีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องของ สว.จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นนายกฯของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญข้อ 40 (8) ทั้งนี้ผลการประชุมจะเผยแพร่ผ่านเอกสารข่าว ไม่มีการออกนั่งบัลลังก์หรือถ่ายทอดสดการพิจารณามติ 7 ต่อ 2 สั่ง “อิ๊งค์” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯกระทั่งเวลา 13.22 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง และเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 7 (4) มีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งผู้ร้องทราบ และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 54 สำหรับคำขอให้สั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เห็นว่า ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี นับแต่วันที่ 1 ก.ค.2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบ2 ตุลาการเสียงข้างน้อยเห็นต่างสำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 2 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่ยุติชัดเจนให้ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง ให้ใช้มาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 71 ห้ามมิให้ผู้ถูกร้องใช้หน้าที่และอำนาจด้านความมั่นคง ด้านการต่างประเทศ และด้านการคลัง จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตีตกคำร้อง กกต.เอื้อ ภท.พันฮั้ว สว.นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังประชุมปรึกษาคดีที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า กกต. และเลขาธิการ กกต.จัดการเลือก สว. ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน และเอื้อประโยชน์ให้พรรคภูมิใจไทย สว. รายชื่อปรากฏตามสำนวนการสอบสวนของ กกต. อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ นางกรุณา ชิดชอบ กับพวก ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง เป็นการกล่าวอ้างว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. และความผิดทางอาญา การกระทำดังกล่าวอยู่ภายใต้การตรวจสอบ และดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีนี้จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา“สุริยะ” รับหน้าที่นำ ครม.ถวายสัตย์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ส่งผลให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯอันดับ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากได้รับการโปรดเกล้าฯให้พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯและ รมว.กลาโหม เพื่อรับตำแหน่งรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ซึ่งจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อเมื่อเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณพร้อมกับ ครม.ชุดใหม่ ในวันที่ 3 ก.ค.นี้“อิ๊งค์” ยันทำทุกอย่างเกินร้อยเพื่อชาติขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 13.17 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือกับนายกฯ โดยมี น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว ตามมาสมทบ จากนั้นเวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธารเดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมนายภูมิธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ น.ส.แพทองธารแถลงว่า น้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จากนี้จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่แน่ใจระยะเวลา แต่มีเวลา 15 วันที่จะชี้แจง จะทำให้เต็มที่เพื่อบอกความตั้งใจที่แท้จริง ว่าเรื่องคลิปเสียงที่หลุดออกมา ความตั้งใจและเจตนาจริงๆเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของเรา รักษากองทัพและชีวิตของทหารทุกคน เพื่อสันติภาพในประเทศของเรา มั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ทำอาจถูกใจและไม่ถูกใจใครหลายคน แต่จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ เจตนาไม่ได้อยากได้อะไรเป็นของตัวเอง และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อลั่นพร้อมทำเพื่อประเทศทุกนาที“ถ้าลองฟังดูจริงๆ จะเข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร นี่คือสิ่งที่ตั้งใจและจะใช้เวลาที่สามารถชี้แจงให้ได้อย่างครบถ้วน ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีคนส่งกำลังใจมาให้ไม่ขาดสาย ต้องขอขอบคุณมากๆ และต้องขอโทษพี่น้องคนไทยทุกๆคนที่ไม่สบายใจกับเรื่องนี้ หรือรู้สึกโกรธเคือง ดิฉันเองขอยืนยันอีกครั้งว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ แต่ก็ต้องขอโทษในวิธีการที่ไม่ถูกใจใครหลายๆคน หลังจากนี้ช่วงเวลาที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดิฉันก็ยังทำเพื่อประเทศชาติได้ต่อไปในฐานะคนไทยคนหนึ่งแน่นอน และยังมีแรงกายแรงใจครบ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทำงานต่อไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตามและอยู่ในฐานะไหนก็ตาม ก็ยังเป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนเดิม และพร้อมทำเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ทุกนาที” น.ส.แพทองธารกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นสื่อความมั่นใจผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร มีสีหน้าเรียบเฉย โดยช่วงท้ายการแถลงพยายามใช้เสียงหนักแน่น เพื่อสื่อสารถึงประชาชนว่ามีความมั่นใจ หลัง น.ส.แพทองธารแถลงข่าวเสร็จสิ้นได้หันหลังเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม จากนั้น น.ส.แพทองธารเดินทางออกจากทำเนียบฯ โดยมีนายภูมิธรรม น.ส.จิราพร และ นพ.พรหมินทร์ ยืนรอส่งที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อผู้สื่อข่าวตะโกนเรียก น.ส.แพทองธารได้หันมาสวัสดีและโบกมือให้ และเมื่อขบวนรถออกจากตึกไทยคู่ฟ้าผ่านกลุ่มผู้สื่อข่าว น.ส.แพทองธารได้ลดกระจกรถลงโบกมือให้ผู้สื่อข่าวอีกครั้ง ก่อนออกไปสืบพยานนัดแรก “ทักษิณ” หมิ่น 112เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คดีหมายเลขดำ อ.1860/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้ พาดพิงดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว ทั้งนี้ บรรยากาศก่อนเริ่มการพิจารณาคดี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลและฝ่ายรักษาความปลอดภัยนำแผงเหล็กกั้นพื้นที่สำหรับสื่อมวลชน ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาร่วมให้กำลังใจนายทักษิณ“นายใหญ่” ตั้งใจมาฟังด้วยตัวเองต่อมานายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ที่อัยการฟ้องนายทักษิณในข้อหาความผิดมาตรา 112 โจทก์นำพยานเข้าสืบ 3 ปาก จากทั้งหมด 10 ปาก ใช้เวลาสืบพยานโจทก์ 3 วันต่อเนื่องกัน ในฐานะทนายฝ่ายจำเลยมีหน้าที่ถามค้าน โดยนายทักษิณจำเป็นต้องมาศาลเนื่องจากคดีนี้จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องมาปรากฏตัวต่อศาล เบื้องต้นนายทักษิณประสงค์จะเข้าฟังการพิจารณาด้วยตนเอง โดยจะนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายวันที่ 23 ก.ค.นี้ เมื่อถามว่าจำเลยยังติดใจส่วนของคลิปวิดีโอที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีหรือไม่ นายวิญญัติตอบว่า ในส่วนนี้ฝ่ายจำเลยติดใจแน่นอน และวันนี้จะพิสูจน์ในประเด็นนี้ด้วย และจะทำให้เห็นว่าคลิปดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ มีการเก็บหลักฐานมาอย่างไรศาลห้ามคู่ความเผยรายละเอียดหลังเริ่มสืบพยานโจทก์ ศาลกำชับคู่ความห้ามนำข้อมูลในห้องพิจารณาคดีมาให้สัมภาษณ์ ช่วงเช้ามีการสืบพยานไป 1 ปาก เป็นพนักงานสอบสวน ปอท.ในขณะนั้น และช่วงพักรับประทานอาหารเที่ยง นายทักษิณได้ขึ้นรถยนต์ออกไป ต่อมานายวิญญัติให้สัมภาษณ์ว่า ไม่สามารถให้รายละเอียดของคดีได้ เนื่องจากศาลพิจารณาลับ และกำชับคู่ความห้ามเปิดเผยรายละเอียดภายในห้องพิจารณาคดี นายทักษิณได้ออกไปรับประทานอาหารกลางวันข้างนอก จะกลับเข้ามาฟังการสืบพยานต่อในเวลา 13.30 น. เจ้าตัวประสงค์จะเข้าฟังการสืบพยานทุกวัน จากที่สังเกตดูนายทักษิณไม่มีความเครียดใดๆ แต่จะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตั้ง 8 อนุ กมธ.หั่นงบรายจ่ายปี 69อีกเรื่องที่รัฐสภา นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 กล่าวว่า การประชุม กมธ. เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. มีการตั้งคณะอนุ กมธ. 8 คณะ ได้แก่ 1.คณะอนุ กมธ.ฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ ค่าจ้างเหมาบริการ ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ งบดำเนินงาน งบเงินอุดหนุน และงบรายจ่ายอื่น 2.คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที และทุนหมุนเวียน 3.คณะอนุ กมธ.ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง 4.คณะอนุ กมธ.ท้องถิ่น เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล และเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5.คณะอนุ กมธ.จังหวัด/กลุ่มจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยาและรัฐวิสาหกิจ 6.คณะอนุ กมธ.ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และการถ่ายทอดเทคโนโลยี 7.คณะอนุ กมธ.แผนงานบูรณาการ 8.คณะอนุ กมธ.ข้อสังเกต คณะอนุ กมธ.เหล่านี้จะพิจารณาต้องปรับลดงบที่ไม่จำเป็น เพื่อเสนอต่อ กมธ.ชุดใหญ่ที่มีอำนาจปรับลดงบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ก.ค.นี้ดีเอสไอลุยสอบเส้นทางฟอกเงินช่วงสายที่กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กองคดีการฟอกเงินทางอาญา มีการสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว. รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ สว. และผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีพนักงานอัยการร่วมสอบคำให้การพยานด้วย การออกหมายเรียกพยานที่เกี่ยวข้องกลุ่มแรก 7 ราย มาให้ปากคำชี้แจงเส้นทางการเงิน เบื้องต้นพยานที่ต้องให้ปากคำ ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายวรพจน์ (สงวนนามสกุล) 2.น.ส.สินิตา (สงวนนามสกุล) 3.นายสุบิน (สงวนนามสกุล) 4.น.ส.ญาณี (สงวนนามสกุล) จ.หนองบัวลำภู 1 ราย คือ น.ส.ภัณนิภา (สงวนนามสกุล) จ.ลำพูน 2 ราย คือ 1.นายอากร (สงวนนามสกุล) และ 2.นายอาทร (สงวนนามสกุล) ตั้งแต่ช่วงเช้ามีเพียงรายงานว่ามีพยานมาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพียง 1 ราย คือ น.ส.สินิตา (สงวนนามสกุล) นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา เผยว่า พนักงานสอบสวนได้ให้ น.ส.สินิตาตอบเรื่องเส้นทางการเงินที่ปรากฏในพยานหลักฐาน ว่ามีการโอนหรือรับโอนอย่างไรบ้าง แม้จะพบความเกี่ยวข้องเรื่องเส้นทางการเงิน แต่ต้องดูลงลึกไปว่าเกี่ยวข้องแค่ไหนอย่างไรอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่