พรรคการเมืองมีเหตุผลที่ยังจำเป็นต้อง “กอดศพ” อยู่แต่อีกไม่เกิน 2 ปี ประชาชนจะพิพากษาว่าทำถูกไหม?นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง บิดาของนายภราดร ปริศนานันทกุล และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดขยับมุมคิด หลังพรรค ภท.ถอนตัวจากรัฐบาลจากปมคลิปสนทนาเกี่ยวกับข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ของผู้นำไทยและอดีตผู้นำกัมพูชาถูกเปิดเผยออกมาขอย้ำพรรค ภท.ประกาศตัวออกมาด้วยเหตุมาจากปมอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ ในประเด็นที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ยังขาดวุฒิภาวะ ความชอบธรรม จึงขอถอนตัววิกฤติการเมือง วิกฤติผู้นำประเทศในครั้งนี้นำประเทศไปสู่อะไร หลังรัฐบาลเพื่อไทยเผาป่าไล่หนูตัวเดียว ยึดเก้าอี้ รมว.มหาดไทย และเกิดเหตุคลิปสนทนาดังกล่าว นายสมศักดิ์บอกว่า การเมืองถึงจุดวิกฤติไม่ใช่ตอนเผาป่าไล่หนูมันเกิดจากคลิปเสียงเป็นจุดทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาต่อนายกฯเป็นเรื่องใหญ่ ประชาชนไม่สามารถรับได้ พร้อมลุกขึ้นมาเรียกร้องให้นายกฯรับผิดชอบมากกว่าการขออภัยกระแสวันแรกเชี่ยวกรากถึงขั้นรัฐประหาร แต่พอกองทัพบก โดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. แสดงจุดยืน กระแสรัฐประหารเบาลง รัฐบาลจึงเร่งปรับ ครม.ใหญ่ สามารถคลี่คลายวิกฤติการเมืองอย่างไร นายสมศักดิ์ บอกว่า วันนี้นายกฯขออภัย ทำความเข้าใจกับทหารได้แต่ประชาชนที่รู้สึกไว้วางใจ เชื่อมั่นรัฐบาล วันนี้มันสูญสิ้นหมดไปแล้ว ตอนนี้มีแต่เคลือบแคลงใจรัฐบาลว่าจะทำอะไร มันเป็นสิ่งที่สะท้อนความรู้สึกจริงของรัฐบาลว่ามองประเทศไทยอย่างไรฉะนั้นปรับ ครม.คลี่คลายเฉพาะพรรค พท. แต่ชาติยังวิกฤติและเชื่อว่าในระยะเวลาสั้นๆอีกเดือนสองเดือน มันจะเป็นไปด้วยความยุ่งยาก ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนที่สังคมไทยกลับไปสู่ภาวะปกติได้วันที่ 3 ก.ค. สภาเปิดเทอมการเมืองลักษณะแบบนี้คงเข้มข้นมากกว่าเดิม อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นายสมศักดิ์ บอกว่า เวทีสภาเป็นส่วนหนึ่งของนักการเมืองใช้หาทางออกของประเทศทั้งวุฒิสภาหรือสภาผู้แทนราษฎร คงต้องหยิบยก “คลิปเสียง” ขึ้นมาพูด ย่อมสั่นคลอนต่อผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ โดยเฉพาะรัฐบาล และองคาพยพด้านนอกสภาเริ่มออกมาทวงอำนาจของเขา หวังพึ่งพานักการเมืองอย่างเดียวคงยากแล้ว ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาถ้าก้าวข้ามตรงนี้ไปได้ ประเทศไทยก็ก้าวต่อไป“ผมมีประสบการณ์ทางการเมืองพอสมควร อย่างสถานการณ์นี้ต่อให้มีเสียงในสภา 400 เสียงก็ไม่มีความหมาย เพราะแนวทางแก้ปัญหาประเทศ ไม่ได้สร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในใจประชาชนรัฐบาลชนะเสียงในสภาได้ แต่ไม่มีทางชนะประชาชนที่เป็นเสียงเจ้าของอำนาจรัฐไปได้หรอก ถ้าลากไปอย่างนี้ หวั่นใจไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผมกลัวที่สุด”หวังให้การเมืองเดินตามกลไกรัฐสภา ไม่อยากให้เกิดรัฐประหาร นายสมศักดิ์ บอกว่า ไม่อยากให้เกิด ไม่อยากให้ทำอะไรไปเข้าทางใครด้วย ทหารหน่วยข่าวกรองแม่นยำ รู้จังหวะว่าควรทำอะไรกับสถานการณ์แบบนี้ขณะเดียวกันมีเสียงเรียกร้องให้นายกฯรับผิดชอบด้วยการลาออก-ยุบสภา สถานการณ์การเมืองมีโอกาสไหลไปถึงการตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญ โดยตัดการรัฐประหารออกไปหลังกองทัพบกออกมาแสดงจุดยืน นายสมศักดิ์ บอกว่า ชั่วโมงนี้ยังอยู่ในระบบรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญปี 60ตามกลไกของสภายังสามารถขับเคลื่อนได้ แต่ยุบสภาในสถานการณ์กำลังคุกรุ่นอย่างนี้ไม่เหมาะสม เพราะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน เราต้องคำนึงถึงคนที่อยู่ ตามแนวตะเข็บชายแดน มีความรู้สึกต่อไปใช้สิทธิ์อย่างไรตรงนี้ตัดไปได้เลยทางเดียวมีประตูเดียว นายกฯลาออกจากตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท.ยังมีอยู่ และแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองก็ยังมีอยู่ ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของระบบจะงดงามที่สุดไม่ใช่ความผิดของสภาและของรัฐบาล ไม่ควรยุบสภา สังคมมองวิกฤติประเทศเกิดจากความผิด ของนายกฯที่ไม่มีภาวะผู้นำฯ ควรต้องแสดงสปิริตความรับผิดชอบทางการเมือง นายสมศักดิ์ บอกว่า ยัง ไม่อยากไประบุว่าเป็นความผิดของนายกฯ แต่มันเป็นความเลินเล่อที่ตัวนายกฯไม่ระมัดระวังในการเจรจาโดยเฉพาะเจรจาความกับผู้ใดที่เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของประเทศ อธิปไตยของประเทศ ต้องระมัดระวังตลอดเวลา เพราะไม่ใช่พูดในฐานะส่วนตัว คิดเอาความผูกพัน ความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้าไปแลก จะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการกลับมา เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนายกฯขาดวุฒิภาวะเป็นผู้นำในช่วงเผชิญหน้าข้อพิพาทเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองอย่างไร หลังภาคประชาชน คนไม่ชอบพฤติกรรมของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เริ่มนัดเคลื่อนไหวอย่างหนัก กดดันรัฐบาลอย่างน้อยให้นายกฯลาออกจากตำแหน่ง นายสมศักดิ์ บอกว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวไม่ใช่พวกเกลียดรัฐบาล หรือนายทักษิณ แต่มันเกิดจากสำนึกในฐานะที่เป็นคนไทย มีเกียรติภูมิปกป้องอธิปไตยของประเทศ“ประชาชนวันนี้ไปไกลกว่านั้น ไม่สนใจการปรับ ครม. เพราะนายกฯยังชื่อแพทองธาร ชินวัตร มีวุฒิภาวะไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำประเทศต่างกับพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล อาจพึงพอใจสำหรับพรรคที่เข้าร่วมรัฐบาล เพราะมีเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มขึ้นอีก 8 ตำแหน่ง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอม มองเห็นธาตุแท้นักการเมืองมากขึ้นว่าบ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤติ ผู้นำเป็นแบบนี้ ยังกล้าเข้าไปกอดศพเน่าๆ”ปรับ ครม.ไม่ใช่การแก้ปัญหา แค่ซื้อเวลาอยู่อีกระยะขอย้ำวิกฤติประเทศที่เกิดขึ้นมาจากวิกฤติศรัทธาตัวผู้นำ แต่ละพรรคการเมืองต้องรู้ว่าถ้ายังตื้นเขินลากสังคม ลากประเทศไทยให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ภายใต้รัฐบาลที่มีนายกฯคนนี้ มันสุ่มเสี่ยงต่อวิถีชีวิตในอนาคตของคนไทยส่วนใหญ่ยุบสภาตอนนี้พรรค พท.ไม่พร้อม เพราะกระแสไม่ดี จึงมีการพูดถึงรัฐบาลแห่งชาติเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์ บอกว่า ขอให้กลไกเหล่านี้ขับเคลื่อนไปตามรัฐธรรมนูญ ตราบใดรัฐธรรมนูญไม่ถูกฉีก กลไกของรัฐสภายังปฏิบัติหน้าที่ได้ มันควรเป็นหน้าที่ขององค์กรที่ขับเคลื่อนให้สังคมก้าวเดินต่อไปลาออกจากตำแหน่งนายกฯเป็นทางออกเพื่อรีเซ็ตการเมืองใหม่ นายสมศักดิ์ บอกว่า ลาออกและหานายกฯคนใหม่ที่เป็นใครไม่รู้ ภายใต้ข้อตกลงเข้ามาภายใต้ บ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะหน้าสิ่ว หน้าขวาน กติกาที่เป็นหัวใจสำคัญคือรีบแก้รัฐธรรมนูญ โดยร่วมมือกันทุกฝ่าย ระยะเวลาสภาที่เหลือ รีบทำให้เสร็จขอย้ำต้องเกิดจากความร่วมมือของฝ่ายการเมือง ใช้กลไกรัฐสภาผลักดันเข้าไป ออกกติกาที่เอาผลประโยชน์ประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่เอื้อต่อพรรคใดพรรคหนึ่ง รัฐบาลใหม่ก็แก้ปัญหาของประเทศคู่ขนานกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้รัฐธรรมนูญเสร็จคืนอำนาจประชาชนเลือกตั้งใหม่ทำให้สังคมไทยก้าวข้ามความยากลำบากตรงนี้ไปได้คล้ายรูปแบบรัฐบาลพิเศษมาตามกลไกรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์ บอกว่า ใช่ครับ รัฐบาลชุดใหม่มีเงื่อนเวลาวันนี้ทุกพรรคการเมืองต้องหยุด-วางไว้ก่อนว่าเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายรัฐบาล ขอให้ก้าวไปสู่จุดดังกล่าว ขณะที่กรณีข้อพิพาทชายแดน เป็นหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่ากันไป ต้องเคารพและไว้วางใจกันและกันหากยังเป็นผู้นำคนเดิมการเมืองไทยถึงทางตันอย่างไร นายสมศักดิ์ บอกว่า ต่อให้ในสภามีเสียงเต็มไปหมด แต่วันนี้ภาคประชาชนกำลังฮึ่มๆ เคลื่อนทัพ อย่าประมาทประเมินภาคประชาชนต่ำ สุดซอยมันเป็นบทเรียนมาแล้วอยากเห็นการเมืองเปลี่ยนแปลงตามกลไกของรัฐสภาไม่อยากเห็นทางลัด ถึงตรงนั้นประเทศบอบช้ำมากกว่า.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม