แป๊บๆก็เข้าเดือนมิถุนายน ปฏิทินครึ่งปีแรกไปแล้ววันเวลาผ่านไปไวจนน่าใจหาย โดยเฉพาะกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนพ่อ ยิ่งเป็นอะไรที่ใกล้เวลาลุ้นเดิมพันสำคัญก็ยิ่งระทึกอกระทึกใจสัปดาห์สุดท้าย นับถอยหลังเข้าโซน “อาถรรพณ์ศุกร์ 13”ตามกำหนดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัด โจทก์ จำเลย พยาน พร้อมนัดไต่สวนในคดี “วีไอพี ชั้น 14” โรงพยาบาลตำรวจขบวนการ “ป่วยทิพย์” จะออกหัวหรือออกก้อยวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายนนี้ ต้องลุ้นผลต่อทิศทางอำนาจการเมืองประเทศไทยและก่อนหน้านั้น 1 วันก็มีสถานการณ์ต่อเนื่อง วันที่ 12 มิถุนายน “แพทยสภา” มีนัดประชุมใหญ่ในการพิจารณากรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ใช้อำนาจ “วีโต้” มติลงโทษ 3 แพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ “วีไอพี ชั้น 14”ลุ้น “แพทยสภา” ต้องระดมเสียง 2 ใน 3 เพื่อ ยื่นมติหักกลับ “สมศักดิ์”นั่นคือ 47 เสียงเป็นอย่างน้อย จาก 70 คน ท่ามกลางเสียเชียร์ของพลเมืองแพทย์ อาจารย์หมอมหาวิทยาลัยชื่อดัง แห่ลงชื่อให้กำลังใจ “แพทยสภา” สนับสนุนการทำหน้าที่ให้สมเกียรติภูมิของนักรบเสื้อกาวน์ไม่สยบต่ออำนาจการเมืองที่แทรกซึมผ่านด่าน “จริยธรรม”จับความเคลื่อนไหวแนวต้าน หยั่งความร้อนแรง “พลังไฟ” ที่จุดติดในวงการแพทย์ โดยสถานการณ์ “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” น่าจะหนักใจพอดูสังเกตได้จากอาการเครียดที่สะท้อนผ่านทางใบหน้า ฝืนยิ้มสู้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยยี่ห้อ “ทักษิณ” ตำนาน “โคตรเซียน” เกมอำนาจการเมืองไทย ที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมเขี้ยวแพรวพราวระดับเจ้ายุทธจักรต่อให้โดน “ชนัก” ปักหลัง แทงทะลุขั้วหัวใจอาการเสี่ยงคว่ำตายหงายเป็นยังไง “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” ก็ยังสำแดงเดช เดินพลังภายใน “เขย่า” ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมเร่งคิวปรับ ครม. โละโควตา รื้อกระดานกันใหม่เน้นเป้าหลักไปที่การเวนคืน “เก้าอี้ มท.1” ยึดเค้กก้อนใหญ่จากมือของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าค่ายเซราะกราว ปฏิบัติการตัดแขนตัดขา “เนวิน ชิดชอบ” บิ๊กบราเธอร์แห่งพรรคภูมิใจไทยลดทอนอิทธิฤทธิ์ “เจ้าพ่อเขากระโดง”ถึงจุดที่ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯคนลูก เดินตามสัญญาณธง ยอมรับมีความคิดปรับ ครม.รอแค่การพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแจ้งคิวแบ่งติ้วอย่างเป็นทางการ ตัดจบในอีกไม่กี่วันข้างหน้าสถานการณ์ที่ก๊วนเซราะกราวซึ่งนิ่งตั้งรับข่าวปล่อยยึด มท.1 จากทีมสื่อโทรโข่ง “นายใหญ่” มาหลายอึดใจ ต้องรับสภาพยื้อฐานที่มั่นกระทรวงคลองหลอดไม่ได้ แต่ก็ยังกั๊กลูกเกรียน ยื่นเงื่อนไขขอแลกกับกระทรวงพลังงานลามไปยุ่มย่ามพื้นที่อนุรักษ์ของ “อภิมหาบิ๊กสปอนเซอร์” ขาซี้ปึ้ก “นายใหญ่”แสร้งยื่นต่อรอง ท้าวัดใจในสิ่งที่รู้แก่ใจ แทบเป็นไปไม่ได้เพราะโดยเหลี่ยมเก๋าที่ขี่กันอยู่ครึ่งลูก “ทักษิณ” อ่านไต๋เกรียนเซราะกราวไม่กล้าหักดิบโหวตสวนคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 แสดงว่าไม่พร้อมโดนถีบทิ้งจากพรรคร่วมรัฐบาล อาการสู้ไปถอยไป เข้าทางเกมรุกฆาต “นายใหญ่”ไล่ต้อนเกรียน 2 น.เข้ามุม “เขากระโดง” สุดชายแดนเขมรเกมเขี้ยว เซียนเหนือเซียน “ทักษิณ” ยังถือแต้มต่อ “แกนนำ” พรรคร่วมรัฐบาล เดินหมากกระชับพื้นที่การเมืองภายในประเทศเร่งคิวปรับ ครม.รวบรัดตัดจบ “เบ็ดเสร็จ”แต่โดยเงื่อนไขสถานการณ์ตรงกันข้ามกันเลย กับการเมืองภายนอกประเทศ ที่ “นายกฯ 2 พ่อลูก” ตระกูลชินวัตร กำลังโดนรุกไล่หนักโดนเล่ห์กลเขมร “ผู้นำ 2 พ่อลูก” ตระกูล “ฮุน” หักเหลี่ยมทั้ง “ฮุน เซน–ฮุน มาเนต” แท็กทีมเดินเกมบุกยึดพื้นที่ทับซ้อน “สามเหลี่ยมมรกต” ณ จุดช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ชายแดนไทย–กัมพูชาสถานการณ์ไหลลามเร็วไปถึงขั้นที่ “ฮุน มาเนต” นายกฯเขมร ชิงแถลงการณ์ ตีปี๊บโพนทะนาลั่นเวทีนานาชาติ จะนำข้อพิพาท 4 พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ยื่นฟ้องต่อศาลโลกหรือ ICJ“เคลม” ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพรมแดนช่องบก เป็นของเขมรไม่ใช่ของไทยยืนยันชัดเจนจะไม่นำข้อพิพาทเรื่องพรมแดน 4 จุด ไปเจรจาในวาระการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการกำหนดเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือ JBC ที่จะจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ วันที่ 14 มิถุนายนนี้เล่ห์ “เขมร” เหลี่ยม “ลูกหลานพระยาละแวก” ลากเข้าเกมถนัดในการฟ้องศาลโลก ที่มีลูกพี่ฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคม ถือหาง เลือกข้างอย่างที่ทำไทยเจ็บปวดรวดร้าวมาแล้วในคดี “เขาพระวิหาร”ตามสถานการณ์ “พ่อลูกตระกูลฮุน” เดินเกมแสบ ออกนำไปแล้วหลายช่วงตัว ในจังหวะที่ทางการไทยยังมะงุมมะงาหรา เงอะๆงะๆฝ่ายบริหารการเมืองไปทาง กองทัพไปอีกทางอย่างที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 เสนอขอปิดด่านผ่านแดนเขมร เพื่อกุมชัยภูมิได้เปรียบทางยุทธศาตร์ แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม สั่งเบรก อ้างกระทบต่อเศรษฐกิจจังหวะผิดคิว ยังลามลึกมาถึงวงให้สัมภาษณ์สื่อของ น.ส.แพทองธาร ที่ปะทะคารมกับนักข่าว เรื่องที่ถูกจี้ถามปมร้อนที่กองทัพไทยยืนยันข้อมูล ทหาร กัมพูชารุกกินแดนเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน 200 เมตรอาการอ่อนให้เขมรเป็นเหตุ จนคนไทยทั่วประเทศสังเกตได้หนีไม่พ้นถูกนำไปเชื่อมโยงกับปมร้อนผลประโยชน์ทับซ้อน เอี่ยวกับเมกะโปรเจกต์ขุดพลังงานในอ่าวไทย-กัมพูชา กระแสด่านักการเมืองเห็นแก่ธุรกิจมากกว่าความมั่นคงในการรักษาดินแดนประเทศไทยตามรูปการณ์ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยโดนถล่มหนัก สภาพแบบที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ตัวจี๊ดของพรรคประชาชน ชี้ แทนที่ “นายกฯ 2 พ่อลูก” ตระกูลชินวัตร จะใช้วิกฤติชายแดนกัมพูชาเป็นโอกาสแต่กลับพลาดท่า ทำวิกฤติเป็นหายนะที่แน่ๆโดยสายสัมพันธ์ส่วนตัว “ทักษิณ–ฮุน เซน” ที่จัดอยู่ในระดับ “โคตรพิเศษ” สถานะคบกันดั่งพี่น้องญาติสนิท เข้านอกออกในคฤหาสน์ส่วนตัวกันสบายๆ แต่มันไม่ได้ช่วยเคลียร์สถานการณ์ให้เป็นบวกตรงกันข้าม สวนทางกันกลับกันกลายเป็นยิ่งลบหนักโดยภาพมันยิ่งตอกย้ำเครื่องหมายคำถาม “เกรงอกเกรงใจอะไรนักหนา” สังคมไทยตั้งแง่ระแวงผู้นำรัฐบาลเพื่อไทย กลัวจะกระทบผลประโยชน์ทางธุรกิจอะไรหรือไม่ปล่อยจนกัมพูชาชิงได้เปรียบ ออกนำหน้าไปแล้วหลายช่วงตัวแม้แนวโน้มสถานการณ์จะทำให้ น.ส.แพทองธารต้องเทกแอ็กชันโชว์บทเข้ม เรียกประชุมทีมงานรัฐบาลฝ่ายการเมือง สภาความมั่นคง ในการเคลียร์ปมร้อนชายแดนเขมรร่อนแถลงการณ์ “ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก”เน้นหลักการ ยึดกลไกทวิภาคี รัฐบาลไทยยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกันแต่นั่นก็ไม่ถึงอกถึงใจ คนไทยส่วนใหญ่ที่อยากเห็นลูกโต้แบบสมศักดิ์ศรีทั้งๆที่มีมาตรการให้ใช้ในการต่อรอง ไม่ว่าจะปิดด่านพรมแดน ตัดเส้นทางธุรกิจ ตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทำให้บ่อนกาสิโนในกัมพูชาเป็นอัมพาต แต่ไม่มีการงัดมาใช้เหมือนชายแดนเมียนมาเมื่อเทียบกับบทเฮี้ยวของ “ลูกหลานพระยาละแวก” ที่ระดมเสริมกำลังทหารทางบก ประชิดชายแดน กองทัพเรือเขมรโชว์การซ้อมรบกับกองทัพเรือจีนด้วยกระสุนจริงทางน้ำ สำแดงแสนยานุภาพข่มขู่ยั่วยุลีลาทำเหมือนหมาเห่า ฟอร์มดุ ไม่กลัว “เสือหมอบ”และนั่นก็ทำให้ “ของจริง” ต้องขยับ ถึงจุดที่ผู้นำ 3 เหล่าทัพไทย จ่าฝูงกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพทหารอากาศ เรียกประชุมด่วนเฉพาะกิจ รับสถานการณ์ประจันหน้าแนวรบชายแดนไทย–กัมพูชาอารมณ์กองทัพบกไทยชวนติดแฮชแท็ก#ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาดปรากฏแค่ชั่วข้ามคืน คนไทยแห่เข้าร่วมกันเรือน หมื่น เรือนแสน อาจถึงเรือนล้าน ให้กำลังพร้อมเป็นแนวร่วมทหารไทยในการปกป้องดินแดนอธิปไตยกระแสประชาชนเทน้ำหนักให้กองทัพ ให้ความไว้วางใจมากกว่าฝ่ายการเมือง.“ทีมการเมือง”