เดินตามรอยเดียวกันเป๊ะ...มิเสียงแรงที่อยู่ก๊วนเดียวกัน“สุชาติ ชมกลิ่น” บ้านใหญ่เมืองชล รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เรียนตำราเล่มเดียวกันกับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” จากพรรคกล้าธรรม“ธรรมนัส” และ “สุชาติ” เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐมาด้วยกัน หลังจากเลือกตั้งใหม่ต่างฝ่ายต่างแยกกันไปคนละทาง“ธรรมนัส” ยังอยู่กับ “ลุงป้อม” แต่ภายหลังได้ “หักดิบ” แยกออกมาเป็นเจ้าของพรรคกล้าธรรมที่มีบารมีมาก หลังจากยอมให้ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นลูกพี่ใหญ่พรรคนี้ประกาศว่า หลังเลือกตั้งจะได้ สส.100 คนขึ้นไปหวังเคียงคู่ “เพื่อไทย” ในยุทธจักรการเมือง!“เสี่ยเฮ้ง” ลูกน้ำเค็มชลบุรีก็ไม่เบาเหมือนกัน ในแวดวง “เจ้าพ่อ” การเมืองหลังจากโชว์ฟอร์มนำ สส.เข้ามาได้หลายคนในนามพลังประชารัฐแต่พอย้ายมาอยู่รวมไทยสร้างชาติกลับหงอย เพราะโดนพรรคคนรุ่นใหม่ปาดหน้าได้ สส.เกือบครบเมืองชลแต่ “สุชาติ” กินในบุญเก่า “บิ๊กตู่” ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์เพียงแต่อยู่คนละก๊วนกับหัวหน้าพรรค “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ทำไมเริ่มต้นรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีแต่พอเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็น “แพทองธาร ชินวัตร” ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ที่เจ้าตัวไม่ค่อยแฮปปี้นัก เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการมาก่อนนั่นจึงเป็นจุดที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า เขาถูกลดเกรดและไม่อยากอยู่พรรคนี้แล้ว เนื่องจากไม่มีอำนาจบารมีในการควบคุมดูแลพรรคจึงมีข่าวมาตลอดในพรรคที่ไม่ค่อยดีนักถึงปัญหาความแตกแยกภายในคงไม่ต้องถามว่าใครคือ “ตัวป่วน” ในพรรค!จนกระทั่ง “พีระพันธุ์” เกิดปัญหาส่วนตัว ทั้งเรื่องถือหุ้นและของบริจาคชาวบ้าน ซึ่งมีชื่อตัวเองกำกับ จึงถูกร้องทุกข์กล่าวโทษเรียกว่า สถานภาพไม่ค่อยดีนัก!อีกทั้งในทางการเมืองก็ตกเป็นเป้าว่า จะถูกเขี่ยทิ้งออกจากรัฐบาล เนื่องจากเป็นแม่น้ำคนละสายกันมานานแล้วพูดง่ายๆว่าฐานะไม่ค่อยแจ่มใส ดีไม่ดีอาจต้องทิ้งเก้าอี้กลางคันกอปรกับ “กล้าธรรม” กำลังเฟื่องฟูจึงขอเดินตามลายแทงนี้ด้วยการเปิดหน้าประกาศแยกตัวจากพรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมกับ 20 สส.ซึ่งตัวเลขยังไม่ชัดเจนว่าจำนวนเท่าใด แต่เป็นการตีกินไปก่อนและท้าให้พรรคลงมติให้ขับออกจากพรรคจะได้ไปสังกัดพรรค “โอกาสใหม่” เพื่อทำงานการเมืองไม่ต่างจาก “กล้าธรรม”แต่รวมไทยสร้างชาติก็รู้ไต๋ยังไม่ขับออก ให้ดิ้นอยู่ในคอกอย่างนี้แหละไม่ต่างไปจาก “กล้าธรรม” กว่าจะถูกขับออกมาได้ก็ต้องใช้ “วิชามาร” จน “ลุงป้อม” ต้องยอมขับออกจากพรรครวมพลังสร้างชาติเตรียมรับมือให้ดีๆก็แล้วกันพรรค 2 ลุง คือ “ลุงตู่-ลุงป้อม” จึงตกที่นั่งไม่ต่างกันเพราะถูกคนกันเองทำแสบการสร้างพรรคการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคจึงต้องมีความเข้มแข็งเด็ดขาด จึงจะเอาอยู่ต่อให้มีบารมีแค่ไหนหากไม่มี “ลุคโหด” บ้างก็เอาไม่อยู่ต่างกับ “ทักษิณ” ที่มีพร้อมและครบเครื่องมากกว่าทำให้สามารถคุม “เพื่อไทย” ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีใครกล้าหือนอกจากจะทำตัวเอง...เท่านั้น!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม