ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย นายกฯ มาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียน แถลงบทสรุปการประชุมในครั้งนี้ว่า กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรวมตัวกันเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ รวมถึงอุปสรรคทางเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และสงครามกลางเมืองในเมียนมาที่ยืดเยื้อมา 4 ปีแล้ว แถลงจบจับมือกันถ่ายรูปแสดงความกลมเกลียว เสร็จแล้วก็ต่างคนต่างเก็บกระเป๋ากลับบ้าน ปิดฉากการประชุมแบบเท่ๆ ซึ่งเป็นตอนจบของการประชุมสุดยอดอาเซียนทุกครั้ง จากนั้นก็ตัวใครตัวมันต่อไปปัญหาการเมืองในประเทศ เวลานี้ ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า การเมืองคือกลุ่มผลประโยชน์ นั่นหมายถึงว่า ผลประโยชน์ขัดกันเมื่อไหร่ก็บรรลัย ทุกอย่างยึดโยงเกี่ยวข้องกันอย่างเหนียวแน่นด้วยเรื่องของผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นอย่าไประแวงว่า จะถอนตัวจากรัฐบาล หรือประกาศลาออก หรือประกาศยุบสภากันให้เมื่อยตุ้มจนกว่าจะครบวาระหรือถูกยึดอำนาจ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นที่ควรจะตื่นเต้น คือเศรษฐกิจปากท้อง ทั้งในเชิงจิตวิทยาและในเชิงข้อเท็จจริง ความหวาดกลัวกับภาพวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคต ทำให้คนไม่กล้าใช้เงิน กำลังซื้อภายในประเทศที่ซบเซาต่อเนื่องอยู่แล้ว กลายเป็นซุปเปอร์ซบเซา ร้านค้า ร้านอาหาร กิจการเอสเอ็มอี รวมถึงบริษัทขนาดยักษ์ ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงปัญหาอยู่ที่ว่า รัฐบาลจะกล้าพูดความจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคืนมาหรือไม่เท่านั้น สิ่งหนึ่งที่หายไปในสังคมไทย คือการร่วมด้วยช่วยกัน เปลี่ยนเป็นตัวใครตัวมัน มือใครยาวสาวได้สาวเอา ต้องยอมรับความจริงว่า บางครั้งรัฐบาลก็งงๆกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงผันผวนเป็นรายวัน ยากที่จะรับมือการแสดงความเชื่อมั่นในการรับมือกับปัญหา สงครามการค้าโลก ไปตามความเป็นจริง คือทางออกที่ดีที่สุด ได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้ ชาวบ้านจะได้เตรียมรับมือถูก ในระดับมหภาค หรือนโยบายสาธารณะ ต้องขีดเส้นใต้คำว่า ชัดเจน และต้องเปิดใจกว้างรับฟังปัญหาและแนวทางแก้ไขจากทุกฝ่าย ไม่ใช่ไปชวนทะเลาะหรือกลัวเสียหน้า เช่น แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้าน สมมติว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลตัดสินใจนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ใน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จนเกลี้ยงกระเป๋า ตอนนี้คงต้องเอามือก่ายหน้าผากหรือการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ก็ต้องฟังความให้รอบด้านปราศจากอคติ กรณีที่ ธปท.โดยผู้ว่าการเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ มีข้อเสนอ ควรให้น้ำหนักการบรรเทาผลกระทบและสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจมากขึ้น และจัดสรรให้ถูกที่คันเช่น กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ กลุ่มผู้ผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ (จีน) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การบังคับใช้กฎหมายและการตรวจสอบที่เข้มงวด ทั้งด้านมาตรฐานสินค้า การนำสินค้าผ่านด่าน และการป้องกันการสวมสิทธิสินค้าใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งออก กำหนดให้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ไทยขายสินค้าในไทย ต้องจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย กำหนดมาตรการทางด้านภาษีหรือโควตาการนำเข้าสินค้า เป็นต้น ห้ามมีวาระแอบแฝง โปร่งใสและตรวจสอบได้ด้วย.หมัดเหล็กคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม