สงครามใหญ่ยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้เป็นคำประกาศกร้าวส่งสัญญาณไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์บัญชาการอำนาจรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังสวมกอดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรเพื่อประชาชนโดยการเคลื่อนทัพแบบสงครามใหญ่ชุมนุมแบบของกลุ่มพันธมิตร-กปปส.-นปช.เหมือนในอดีต เป็นทัพใหญ่ตะลุมบอนกัน ยังไม่มีความจำเป็นใดๆนักยกเว้นประชาชนสำแดงพลังเป็นจังหวะ เฉพาะประเด็น เช่น ต้านกาสิโนในนามเอนเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนทัพที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เน้นต่อต้านบ่อนกาสิโนทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงตามสถานการณ์ ภาคประชาชนต่างสะสมบทเรียนมา ฉะนั้นเรามองเห็นเหมือนกันอายุไขรัฐบาลกำลังสิ้นสุดโดยข้อกฎหมาย“รัฐบาลอยู่หรือไป ไล่เรียงลำดับตั้งแต่ปัจจัยของคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นหลัก–ความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาล–รัฐบาลเผชิญปัญหาทำผิดกฎหมายต่างคนต่างมองเห็นทุกอย่างว่าการอยู่หรือไปของรัฐบาลจะเป็นไปตามเงื่อนไขตามกฎหมายเป็นหลักฉะนั้นการอยู่หรือไปของคุณอิ๊งค์ เป็นไปตามสภาพตามลำดับ เป็นโดมิโนมาจากคุณทักษิณ”ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ คณะหลอมรวมฯเดินหน้าตรวจสอบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ รวมถึงมีประเด็นอื่นๆด้วย นายจตุพร บอกว่า รัฐบาลเข้ามาด้วยต้นทุนติดลบทางการเมือง หลังตระบัดสัตย์ข้ามขั้วพรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนถางป่ามาเจอกัน จากเป็นปฏิปักษ์ คู่ต่อสู้ที่ฟาดฟันในสนามเลือกตั้ง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มันหาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันขนาดไหน นายทักษิณยังเป็นนายทักษิณวันยังค่ำ ตำราการเมืองแบบนายทักษิณไม่มีคำว่ารักนิรันดร์ ไม่มีคำว่าตลอดไปชั่วฟ้าดินสลายเขาคิดเป็นตอนๆเหมือนตอนกอดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็บอกว่าในตอนนี้ แต่ตอนต่อไปไม่รู้ ฉะนั้นทำนองแบบนี้ไปอย่างไรก็ไปด้วยกันยาก หาผลงานแทบไม่ได้ เพราะนโยบายก็ไม่เอา ที่เอาก็ไม่ใช่นโยบาย สุ่มเสี่ยงคุกตะรางพรรคร่วมทุกคนก็ไม่อยากไปตายเอง งบประมาณที่ผิด รธน. มาตรา 144 ก็ไปไหนแทบไม่ได้ บ่อนกาสิโน พรรคภูมิใจไทยก็ยืนขวาง อีกฝั่งเอาเรื่อง สว.เข้ามาฟาด ดูเสมือนหนึ่งทั้ง 2 ประเด็นเป็นคนละเรื่อง ความจริงมันเป็นเรื่องเดียวกันกลางเทอมรัฐบาลมีปัญหารุมเร้า จนเกิดปรากฏการณ์ระดับแกนนำมวลชนระหว่างนายสนธิสวมกอดอดีตประธาน นปช. เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอิ๊งค์อยู่ยาก นายจตุพร บอกว่า ในเมื่อต่างคนต่างผ่านหัวแถวกระบวนการต่อสู้บนท้องถนนเมื่อเกิดปรากฏการณ์รัฐบาลตระบัดสัตย์ข้ามขั้วและนายทักษิณสารภาพสิ้นได้กระทำความผิดจริง แต่ที่ผ่านมาฝ่ายสนับสนุนนายทักษิณเข้าใจว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรม อันเป็นผลพวงจากการยึดอำนาจ ตั้ง คตส. มีกระบวนการตุลาการภิวัตน์ มีประชาชนออกไปบาดเจ็บล้มตายขณะที่ฝ่ายต่อต้านยืนยันว่าเขาทุจริต พอวันหนึ่งเขายอมรับข้อกล่าวหาเป็นไปตามที่ฝ่ายต่อต้านกล่าวหา ฉะนั้นถ้าเขายอมรับกระทำความผิดในปี 2552-2553 คนเสื้อแดงไม่ต้องล้มตายเป็นร้อย บาดเจ็บนับพัน สูญสิ้นอิสรภาพนับไม่ถ้วน ฝ่ายต่อต้านก็บาดเจ็บล้มตาย นำไปสู่การล้มละลายก็มี ชีวิตพินาศย่อยยับทุกฝ่ายเมื่อสิ้นสงสัยก็ไม่มีเหตุผลที่ภาคประชาชนไปต่อสู้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเมืองอุ้มสมกัน รัฐบาลตระบัดสัตย์ข้ามขั้วภาคประชาชนถูกทรยศอกหักทุกฝ่ายผมกับนายสนธิมองเห็นไม่แตกต่างกัน ฝ่ายประชาชนต้องคิดอ่านเรื่องชาติบ้านเมือง มันไม่มีเหตุผลที่ต้องทะเลาะอะไรกันต่อไป แม้ยังไม่คิดถึงการจับมือกันเดินลงท้องถนน แต่เป็นการร่วมมือในลักษณะแก้ปัญหาประชาชนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากการกระทำของรัฐ หรือความอยุติธรรม ต้องทำให้มันถูกต้อง“ผมกับคุณสนธิ เชื่อว่าทางพี่นกเขา (ทนายนกเขา–นิติธร ล้ำเหลือ) มองไม่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างเห็นไพ่ทั้งกระดาน ไม่มีใครโง่ดักดานถึงขนาดไม่รู้สถานการณ์อะไรถ้าจัดทัพออกแบบการชุมนุมเหมือนในอดีต ไม่ใช่ไม่มีปัญญาทำ แต่คุณทักษิณ คุณอิ๊งค์กำลังจะไปอยู่แล้ว ถ้าภาคประชาชนออกไปก็เป็นเครื่องมือต่ออายุให้รัฐบาล โดยอาศัยเหตุนี้ในการดำรงอยู่”การเคลื่อนไหวของประชาชนในช่วงรัฐบาลนี้ที่มีพลังมาชนิดมืดฟ้ามัวดินต่อต้านเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แล้วก็แฟบลงไป ภาคประชาชนพร้อมเคลื่อนเป็นประเด็นๆไปแบบนี้ นายจตุพร บอกว่า มันไม่แฟบแต่รัฐบาลได้เลื่อนนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภาไปในสมัยประชุมต่อไป ภาคประชาชนก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปตากแดดตากฝนในเวลาที่ไม่จำเป็นที่บริเวณหน้ารัฐสภา แต่ทัพหน้าที่สะพานชมัยฯยังตรึงกำลังอยู่หากวันที่ 9 เม.ย.ไม่เลื่อนออกไปจะได้เห็นว่าไม่แตกต่างไปจากกรณี “นิรโทษกรรมสุดซอย” ฉะนั้นที่ระบุว่านำเข้าในวันที่ 9 ก.ค. สมัยประชุมที่กำลังจะเปิดนี้กาสิโนเข้าสภาวันไหนก็รบกันวันนั้นไม่มีสงครามใหญ่หรือเคลื่อนไหวใหญ่ปักหลักอยู่ยาว แต่เคลื่อนไหวเป็นประเด็นๆ นายจตุพร บอกว่า วงของนายสนธิคิดแก้ปัญหาเป็นเรื่องๆให้ประชาชน ภาคประชาชนส่วนอื่นมีแนวคิดทำเป็นประเด็นเช่น ทางออกของชาติหลังจากนี้ไป ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้กรณี ครม.เข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา 144 ที่มีมติโยกงบประมาณฯปี 68 ไปแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึง สว.-สส.ที่เห็นชอบในชั้นนิติบัญญัติ ความผิดสำเร็จทุกกระบวนการสึนามิกวาดทั้งกระดาน รอแค่ยึดอำนาจ แต่เป็นไปตาม รธน.ขณะที่ปรากฏการณ์ประชุมของแพทยสภา 12 มิ.ย. และที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 13 มิ.ย. คงได้เห็นกระดานการเมืองชัดเจน แค่ในวันนั้นนายทักษิณไปศาลหรือไม่ไป ยังอยู่ในประเทศหรือไม่และถ้าคุณอิ๊งค์ยังเป็นนายกฯต่อ ต้องรับผิดชอบสั่งกระทรวงการคลังให้ออกคำสั่งบังคับโทษกับ “ผู้เป็นอา” ขึ้นมาใหม่ ในคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อชดใช้เงิน 10,028 ล้านบาทแม้กระทั่งถ้านายทักษิณไม่มาศาล คุณอิ๊งค์ฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้อง “สั่งจับพ่อ” ของตัวเอง จะรับกับสถานการณ์นั้นได้หรือไม่ หรือกระทั่งนายทักษิณต้องกลับเข้าเรือนจำในคดี 112 ต้องมาเบิกความด้วยตัวเอง พร้อมจะใส่ “ชุดนักโทษ” แบบที่ผมใส่มาศาลหรือไม่ แต่ละเรื่องมันบีบหัวใจทั้งนั้นสมรภูมินิติสงครามกำลังสำแดงเดชจัดการกวาดล้างนักการเมืองทำผิดกฎหมาย นายจตุพรบอกว่า มันเป็นวงจรวงรอบ จำบทเรียนได้หรือไม่ ในบางสถานการณ์ แต่ละเรื่องเดินไปอย่างช้าๆแต่ทันทีที่สถานการณ์ถึงเวลาจะลงมือกันนั้น มันก็รอบทิศทางความเป็นจริง ทั้งนายทักษิณ คุณอิ๊งค์ ถ้าศึกษาในยุคตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทยในวันนี้ย่อมเห็นสัญญาณเป็นอย่างดี เวลากำลังหมดลงแล้วระบอบทักษิณแข็งแกร่งพอที่ต้านเคลื่อนไหวของภาคประชาชนได้อย่างไร นายจตุพร บอกว่า มันไม่ได้อยู่ที่จำนวนเสียง แต่มันอยู่ที่ ความชอบธรรม ไม่มีใครทำลายตัวเองได้ดีกว่านายทักษิณ รัฐบาลอิ๊งค์ก็ทำลายตัวเอง ฉะนั้นตอนที่แข็งแกร่งกว่านี้ยังเอาตัวไม่รอด นับประสาอะไรในวันที่อ่อนแอที่สุดแบบนี้ มีน้ำหน้าอะไรมารอดบางจังหวะที่เคลื่อนไหวดูเหมือนกวักมือกองทัพออกมาชนกับรัฐบาล ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายจตุพร บอกว่า ผมไม่ได้กวักมือใดๆทั้งสิ้นการกระทำของรัฐต่างหากที่กวักมือเรียกทหาร รัฐบาลที่ซื่อสัตย์สุจริตปกป้องผลประโยชน์ชาติ ไม่ทำลายชาติ ไม่ขายชาติ ก็อยู่โดยประชาชนเป็นหลังให้ไม่มีใครกวักมือให้ทำรัฐประหาร ขณะนี้หลักบ้านเมืองเกินคำว่าปฏิรูป ต้องปฏิวัติที่ไม่ได้หมายความว่ารัฐประหารแต่บ้านเมืองมันพัง อยู่สภาพแบบนี้ต่อไปไม่ไหวต้องชำระล้างแก้ไขปัญหาบ้านเมืองขนาดใหญ่.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม