แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ในปี 2025 เหลือ 2.8% จากการคาดการณ์ที่ 3.3% ลดลงไป 0.5% ผลพวงของสงครามการค้าจะมีผลกระทบไปจนถึงปี 2569 เป็นอย่างน้อย และจะเป็นการปรับตัวด้านโครงสร้างเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกในส่วนของ ประเทศไทย IMF ประเมินว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะเหลือแค่ 1.8% ต่ำที่สุดในภูมิภาคนี้ จากที่เคยประเมินไว้ที่ 2.9% และในปี 2569 จีดีพี จะเหลือเพียง 1.6% เท่านั้นยังไม่ทันได้ศัพท์ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังที่มี พิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกฯเศรษฐกิจ และ รมว.คลัง ประกาศจะกู้เงินจำนวน 5 แสนล้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มตกต่ำต่อเนื่องลงไปอีก เท่ากับว่า หนี้สาธารณะ จะเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนล้าน จากที่มีหนี้อยู่แล้ว เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้มาใช้จ่ายโดยตรง 10,688,701.78 ล้านบาท ยังไม่รวม หนี้รัฐวิสาหกิจ ที่ 1,064,554.53 ล้านบาท (ข้อมูลจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ณ เดือน ก.พ.2568) ประเทศไทยกำลังเข้าสู่วิกฤติหนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดถ้าจะอ้าง ปัจจัยจากต่างประเทศ อาทิ สงครามการค้า สงครามรัสเซีย-ยูเครน โรคระบาด ภัยธรรมชาติ ประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ก็มีปัญหาเหมือนบ้านเราไม่ต่างกัน แต่การคาดการณ์จีดีพีประเทศในอาเซียน อาทิ ฟิลิปปินส์ จะโต 5.5% อินโดนีเซีย 4.7% มาเลเซีย 4.1% หรือ เวียดนาม 5.2% เท่ากับว่าเรากำลังเผชิญปัญหา วิกฤติเศรษฐกิจสองเด้ง จากภายนอกสู่ภายในและจากภายในสู่ภายนอก เพราะการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ต่ำ จะส่งผลถึงเม็ดเงินการลงทุนและกำลังซื้อในประเทศแน่นอนทีนี้รัฐบาลไทยโดย รองนายกฯ และ รมว.คลัง ยังเชื่อว่า การประเมินจีดีพีไทยเหลือแค่ 1.8% เป็นแค่การประเมินในเบื้องต้นเท่านั้น รัฐบาลพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อ ชดเชย จีดีพีที่หายไป โดยตั้งเป้าเดิมที่ 3% จากการใช้วงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 5 แสนล้าน มีคำถามตามมาคือจะไปหาเงินกู้มาจากไหน จำเป็นจะต้อง ขยายเพดานหนี้ ให้เกินเพดาน 70% หรือไม่ และที่สำคัญคือจะเอารายได้จากไหนมาใช้หนี้ถ้าชีวิตนี้คิดแต่จะใช้เงินที่มาจากการกู้หนี้ยืมสินเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ การแก้ผ้าเอาหน้ารอด ด้วยวิธีคิดในการแก้ปัญหาของรัฐบาลแบบง่ายๆ แม้แต่การรับมือกับ สงครามการค้า ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ฟังบรรดาที่ปรึกษาเทกระโถน ชักเข้าชักออก สหรัฐฯยังไม่เคยนัดเจรจา ก็ไปบอกว่า สหรัฐฯนัดเจรจาก่อนใครทั้งๆที่ รองนายกฯ และ รมว.คลัง เดินทางไปสหรัฐฯเที่ยวนี้ เป็นงาน world bank ที่ BOI ไปร่วมงานด้วยเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับการไปเจรจามาตรการตอบโต้ภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯแต่อย่างใดพอถูกจับโป๊ะก็อ้างว่าทางสหรัฐฯขอเลื่อนออกไปเพราะต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โกโซบิ๊กเลยทีนี้ ไม่รู้ใครหลอกใคร หรือไทยหลอกไทย กันแน่ แต่ที่แน่ๆถ้ายังคิดจะแก้ปัญหาแบบการละคร ประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม