จับความเคลื่อนไหวต่อการเข้าไปมีบทบาทในเรื่องใหญ่ระดับชาติจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมียนมา หรือการขึ้นภาษีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะพูดถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ประกาศตัวว่า (สทร.) คือยุ่งมันทุกเรื่องของรัฐบาลชุดนี้ แต่กรณีเรื่องภาษีนั้น“ทักษิณ” จะแสดงตัวน้อยมาก เพียงแต่บอกว่าได้มีการพูดคุยกับบุคคลที่แวดล้อม “ทรัมป์” เท่านั้น ไม่ได้คุยกับ “ทรัมป์” โดยตรงบอกด้วยว่าหากมีโอกาสก็จะคุยจับอากัปกิริยาที่แสดงออกลักษณะนี้ที่ดูแปร่งแปลกไปไม่เหมือนกับเรื่องอื่นๆ พบข้อมูลว่า “ทักษิณ” ไม่ได้สนิทหรือคุ้นเคยกับ “ทรัมป์” แต่อย่างใดแต่พยายาม “ตีกิน” เท่านั้น!ก็ไม่ว่ากันเพราะถ้าเข้าไปยุ่งเต็มตัวอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้มาว่ากันเรื่อง “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยที่มีกำหนดการพิเศษคือพบกับ “มิน อ่อง หล่าย” ประธานาธิบดีเมียนมา ที่บินมาประเทศไทยแบบ “ปิดลับ” และ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ปรึกษาประธานอาเซียนทั้ง 3 คนได้พบปะหารือกันแบบไม่เป็นทางการ แต่มีประเด็นใหญ่ระดับโลกก็คือปัญหาขัดแย้งในเมียนมานั่นแหละโดย “อันวาร์” ในบทบาทประธานอาเซียน ที่ต้องการแก้ไขปัญหาในเมียนมาเพื่อเป็นผลงานชิ้นโบแดง หากทำสำเร็จคือเมียนมาเกิดความสงบ มีสันติภาพเกิดขึ้นแต่เนื่องจาก “ทักษิณ” นั้นสนิทกับ “มิน อ่อง หล่าย” จึงต้องให้เป็นคนกลางเพื่อทำให้เกิดการพูดคุยเป็นหนทางไปสู่ผลสำเร็จที่ผ่านมามีความพยายามติดต่อผู้นำทหารเมียนมาแต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาตลอด แต่ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ นับเป็นก้าวย่างสำคัญยิ่งต้องนับว่า “ทักษิณ” มีส่วนสำคัญด้วย!แต่การที่จะทำให้สงบศึกได้ก็ต้องเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายนั้น หมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆที่สู้รบกับรัฐบาลเมียนมาซึ่ง “อันวาร์” ต้องอาศัย “ทักษิณ” อีก และได้พูดคุยกับตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์แล้วในเบื้องต้นโดยใช้ประเทศไทยเป็นเวทีเจรจาเพราะสะดวกที่สุดเบื้องต้นใช้ประเด็นมนุษยธรรมเป็นตัวขับเคลื่อนเพราะเป็นเงื่อนไขที่เข้าถึงง่ายที่สุด ยิ่งเวลานี้เมียนมากำลังเกิดปัญหาแผ่นดินไหวประชาชนกำลังเดือดร้อนหนักแน่นอนว่าวันนี้กลุ่มชาติพันธุ์ที่รบกับรัฐบาลเมียนมา จนสามารถยึดครองพื้นที่ได้จำนวนมากย่อมมีความได้เปรียบดังนั้น การเจรจาจึงต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อให้แต่ละฝ่ายสมประโยชน์ประเด็นหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือรัฐบาลเมียนมาจะจัดให้การเลือกตั้งปลายปีนี้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่ในสมการเจรจาพูดคุยด้วยเพราะรัฐบาลทหารเมียนมาก็จะชูเรื่องนี้เป็นประเด็นความชอบธรรมได้เพื่อกุมอำนาจต่อไปโดยอาเซียนรับรองต่างๆ เหล่านี้จึงต้องหาจุดลงตัวให้ได้แน่นอนว่าหากทำสำเร็จ “อันวาร์”-“ทักษิณ” ก็ได้คะแนนไปสำหรับประเทศไทยยังมีปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ที่ไทยก็ต้องพึ่งพามาเลเซียเช่นกัน จึงต้องให้ “อันวาร์” ขับเคลื่อนสำคัญว่ารัฐบาล “เพื่อไทย” มีแนวทางหรือใช้โมเดลอะไรมาจัดการเพราะทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรเลย นอกจากนโยบายของ สมช. เท่านั้น ซึ่งเป็นนโยบายเดิม!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม