เป็นที่รับรู้กันได้โดยทั่วไปว่าสถานการณ์ของประเทศ ณ เวลานี้ไม่ค่อยจะดีนักหลังจากรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ อะไรต่อมิอะไรดูมันเลวร้ายไปหมดสิ่งที่ไม่เคยเกิดก็เกิดขึ้นมาอย่างแผ่นดินไหวที่รุนแรง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้ตึกถล่มกลางกรุงเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมากสหรัฐอเมริกาได้ประธานาธิบดีคนใหม่ (โดนัลด์ ทรัมป์) ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากไทยที่ส่งไปขาย 36%“เศรษฐกิจ” ที่กำลังทรุดก็เลยหนักเข้าไปอีก...ตลาดหุ้นที่เคยพุ่งขึ้นไปเกือบ 1,500 จุด วันนี้ร่วงลงมาจะพ้น 1,000 จุด เพราะรัฐบาลปล่อยปละละเลยไม่ได้แก้ไขอย่างจริงจังและตรงเป้าทุกอย่างกลายเป็นโลกซ้ำกรรมซัดยังไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรในทางการเมืองก็เกิดปัญหายุ่งยากจากรัฐบาลหรือคนของรัฐบาลสร้างขึ้นมาเอง ล่าสุดทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติด้วยเรื่องกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ซึ่งทำท่าจะบานปลายดีไม่ดีรัฐบาลอาจจะบริหารประเทศต่อไปไม่ได้ท่องเที่ยวซึ่งเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้เข้าประเทศก็ต้องเจอผลกระทบไปด้วย เนื่องจากเกิดปัญหาด้านความเชื่อมั่นเพราะแผ่นดินไหว การขึ้นภาษีสูงขึ้นของสหรัฐฯ ความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลก็เลยตั้งคำถามกันว่าแล้วแบบนี้ประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไรอย่างเรื่องสหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีสูงที่รัฐบาลออกตัวช้า โดยอ้างว่าได้เตรียมการตั้งรับเอาไว้ทุกอย่างแล้วแต่ถึงที่สุดก็ต้องเจอผลกระทบแน่เพียงแต่จะมากน้อยเท่านั้นปัญหาใหญ่สุดที่ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ก็คือ “เศรษฐกิจ” เพราะรัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมว่าจะแก้ไขอย่างไรทำอย่างไรที่ผ่านมาได้แต่ประคองตัวพ้นไปวันๆเท่านั้น!นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารก็ไม่ได้เป็นความหวังที่จะแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นมาได้ทุกวันนี้ยังต้องอาศัย “พ่อ” ที่ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 บริหารแทนแทบทุกอย่างจนก่อให้เกิดปัญหาเพราะผู้คนไม่เชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี (ตัวจริง) นี่คงเป็นเพราะความไม่ปล่อยให้การเมืองเป็นไปโดยธรรมชาติแต่ใช้อำนาจจัดการให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการคือการต่อท่ออำนาจของคนในตระกูล “ชินวัตร”จาก “พ่อ” สู่ “ลูก”!เป็นการเมืองแบบผูกขาดของคนเพียงไม่กี่คนที่มีเงินเข้ามากำหนดความเป็นไปในทางการเมืองจนทำให้ทุกอย่าง “เบ็ดเสร็จ” เด็ดขาดอีกทั้งเป็นการเมืองที่ใช้อำนาจและบารมีเพื่อสนองความ ต้องการของตัวเองและพวกพ้องเท่านั้นไม่ได้คิดถึงประชาชนอย่างที่อ้างแม้แต่น้อยการเมืองจึงกลายเป็น “ธุรกิจ” มากกว่าเพื่อชาติบ้านเมืองนี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่องของ “ขาประจำ” แต่เป็นเรื่องของคนที่รู้สึกไม่ต่างกันจึงต้องรวมตัวกันเพื่อต่อต้านทุกอย่างมันจึงวนกลับไปที่เก่าไม่ได้เดินไปข้างหน้าแต่อย่างใด!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม