สถานการณ์ประเทศไทยตอนนี้ต้องเรียกว่า “น้ำลดตอผุด” หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงก็ได้เห็นอะไรที่ซุกเอาไว้โผล่ขึ้นมา แม้กระทั่งระบบเตือนภัยซึ่งมีการสั่งการให้ดำเนินการมานานแล้วหลังเกิดภัยพิบัติจากน้ำท่วมโคลนถล่ม ก็ยังเกิดปัญหา! เพราะระบบไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ต้องการสรุปก็คือระบบที่ไม่เสถียรไร้ประสิทธิภาพเนื่องจากการไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น หรือซุกปัญหาเอาไว้ไม่มีการแก้ไขเป็นเรื่องของ “คน” ทำให้ระบบไร้ประสิทธิภาพนี่ถ้าศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ในเมืองไทยก็คงดูไม่จืดว่าจะเละแค่ไหนอย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องใหญ่อันเนื่องมาจากอาคาร สตง.ที่กำลังก่อสร้างเกิดถล่มลงมาในพริบตา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเวลานี้กำลังเร่งค้นหาด้วยความยากลำบากแต่ภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นและเป็นคำถามว่าทำไมตึกนี้จึงถล่มเพียงตึกเดียวมันเป็นเพราะอะไร คงมิใช่นายกรัฐมนตรีคนเดียวนั้นที่อยากรู้แต่คนไทยทั้งประเทศก็อยากรู้!มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้และให้ดีเอสไอเข้ามาทำคดีเพื่อให้เกิดความกระจ่างว่าอะไรเป็นอะไรแค่เริ่มต้นก็เกิดความสงสัยแล้วว่าบริษัทที่ได้สัมปทานก่อสร้างนั้นมาในนามบริษัทร่วมกิจการค้า มีอิตาเลียนไทยและไชน่า เรลเวย์ร่วมกันจากการข่าวทราบว่าบริษัทไชน่า เรลเวย์ นั้นเป็นของนักธุรกิจชาวบ้าน โดยมีคนไทยร่วมถือหุ้นด้วย ทำให้สงสัยว่าเป็นบริษัท “นอมินี” หรือเปล่า เพราะคนไทยที่ถือหุ้นนั้นก็คนธรรมดาไม่ได้มีฐานะที่บ่งบอกได้ว่าจะมีเงินร่วมทุนในธุรกิจนับพันล้านนี้ได้อีกทั้งบริษัทนี้สามารถประมูลงานก่อสร้างของรัฐบาลนับ 10 บริษัทจึงถือว่าไม่ใช่ธรรมดาเพราะต้องมีเส้นสายที่ใหญ่พอสมควรจึงจะสามารถได้งานมากเช่นนั้น ขนาดบริษัทของคนไทยเองยังไม่สามารถทำได้จากนั้นก็จะมีการสอบในประเด็นที่ว่าการก่อสร้างอาคารแห่งนี้มีการ “ฮั้วประมูล” หรือไม่ เพื่อให้เกิดความกระจ่างในความเป็นมาประเด็นสุดท้ายก็คือการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างนั้นได้มาตรฐานหรือไม่เพราะทั้ง 3 ประเด็นนี้จะให้ความกระจ่างถึงความเป็นมาต่างๆและจะเป็นคำตอบถึงสาเหตุที่ทำให้อาคารหลังนี้ถล่ม“นอมินี” คือการที่คนต่างชาติเข้ามาตั้งบริษัทในไทยแล้วให้คนไทยถือหุ้นแทนในอัตราส่วน 51 ต่อ 49 จึงจะถูกต้องตามกฎหมายแต่ความเป็นจริงก็คือคนไทยที่ถือหุ้นนั้นเพียงแต่ในนามเท่านั้น เพราะคนต่างชาติเจ้าของจริงๆลงทุนทั้งหมดจึงได้ประโยชน์เต็มๆไม่ต้องเสียภาษี ได้สิทธิพิเศษจากบีโอไอและอ้างว่าขาดทุนโดยให้หุ้นส่วนกู้หนักกว่าคือจะดำเนินการไม่ต่างไปจาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” เป็น “บริษัทศูนย์เหรียญ” ที่ตั้งบริษัทเครือข่ายในประเทศไทยอย่างโรงงานเหล็กที่บริษัทสั่งซื้อจากโรงงานแห่งนี้อย่างทัวร์ศูนย์เหรียญที่นักท่องเที่ยวไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินคือบินฟรีแต่เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้วทุกอย่างจะต้องเดินไปตามโปรแกรมที่บริษัททัวร์กำหนด นั่งรถเดินทาง ซื้อสินค้า ที่พักและอาหารการกิน ซึ่งเป็นของบริษัททัวร์เองสรุปก็คือประเทศไทยไม่ได้อะไรเลยสักบาทเดียวนี่ก็ไม่ต่างกัน...แน่นอนว่าการดำเนินการจะต้องมีคนไทยและเจ้าหน้าที่ไทยให้ความร่วมมือมิฉะนั้นไม่สำเร็จ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องสอบสวนเอาความจริงให้ได้ที่สำคัญต้องกระชากหน้ากากความเลวร้ายที่ทำให้ประเทศไทย เสียหาย!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม