ถ้ายังเล่นบทตบจูบกันอยู่ก็คงยังไม่ได้เห็นการแตกหักเกิดขึ้นระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” หลังจากที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จูงมือ “เนวิน ชิดชอบ” ดอดเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า พบกับ “ทักษิณ ชินวัตร”-“แพทองธาร ชินวัตร” เมื่อวันที่ 2 มี.ค.68 ที่ผ่านมาการประชุมบอร์ดดีเอสไอจึงออกมาว่า รับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษ แต่เป็นประเด็นฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเพราะการเลือกตั้งเป็นเรื่องของ กกต. ที่รับผิดชอบโดยตรง หากหน่วยงานอื่นไปก้าวก่ายก็จะมีความผิดถึงติดคุกติดตะรางได้นี่เป็นทางออกที่สมประโยชน์ทุกฝ่าย!เรื่องนี้จากพยานหลักฐานของดีเอสไอที่มีการเผยแพร่ออกมานั้น ค่อนข้างจะชัดเจนในกระบวนทำผิดกฎหมายหากไม่มีการดำเนินการต่อดีเอสไอก็เสียหาย รัฐบาลก็เสียหาย กกต.ก็เสียหายไปด้วย เพราะหลักฐานที่ชัดเจนอย่างนี้ขืนปกปิดเอาไว้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน?ก็ต้องรับไปดำเนินการ เพียงแต่แยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องเรื่องอำนาจและความรับผิดชอบ คือไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแต่เป็นความผิดทางอาญาเฉพาะตัวเท่านั้น หากสอบสวนแล้วพบความผิดจริง ดีเอสไอจึงต้องให้อัยการเข้ามาร่วมพิจารณาคดีด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส หากพบคนไหนผิดก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม ใครไม่ผิดก็รอดตัวไปบรรดา สว.ทั้ง 138 คน เบาใจไปได้เปราะหนึ่ง เพราะพวกที่อยู่ในข่ายความผิดจะเป็นคนนอกที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้เท่านั้นเมื่อเข้ามาสู่กระบวนนี้แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าใครผิดใครถูกบ้าง เพราะต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะมัดตัวได้หรือไม่อีกทั้งคดีแบบนี้ปล่อยเอาไว้นานเข้า เดี๋ยวก็ลืมกันไป ส่วนใหญ่จะรอดทั้งนั้นว่ากันว่าการพบกันของ 4 ผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองที่บ้านจันทร์ส่องหล้านั้น น่าจะมีเรื่องต้องเคลียร์กันหลายเรื่องแต่ที่แน่ๆก็ 2 เรื่องสำคัญ1.โมโตจีพีที่ “เพื่อไทย” จะไม่เอาด้วยคือ ไม่ต่อสัญญาแต่ไปให้ความสนใจเอฟ 1 มากกว่า หากออกมาอย่างนี้ก็เท่ากับทุบหม้อข้าวบ้านใหญ่บุรีรัมย์เต็มเปา แต่ล่าสุดเห็นนายกรัฐมนตรีบอกว่า ให้ศึกษาตัวเลขอยู่เพราะเป็นเรื่องธุรกิจสุดท้ายก็คงเดินหน้าต่อ!2.เรื่องฮั้วเลือกตั้ง สว. นี่แหละ เพราะถ้าดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแบบเต็มรูป ก็จะเกิดปัญหากับ 138 สว.สายสีน้ำเงินทันทีหากเป็นแบบนั้น “ภูมิใจไทย” ก็จะเสียหายมากโขอยู่ เพราะมีโอกาสที่จะต้องพ้นจากสมาชิกภาพ หรือก็ต้องเปลี่ยนสีเสื้อใหม่เมื่อออกมาแบบนี้ก็เจ๊ากันไปการเมืองไทยในรูปทรงแบบนี้ที่ไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมากสุด ก็ต้องเจอปัญหาการต่อรองกันในลักษณะนี้“ทักษิณ” ที่เคยใหญ่คับบ้านคับเมืองมาก่อนก็ยังต้องแอบเจรจากับคนใหญ่พรรคการเมือง เพราะไม่สามารถเดินไปตามลำพังได้พูดง่ายๆว่าต้องมีพวกจึงจะอยู่ได้ทุกเรื่องจึงต้องมีการเจรจาต่อรองเพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่มีพรรคกินรวบได้ จะต้องกินแบ่งกันถึงจะไปรอดได้มีก็แต่เราๆ ท่านๆประชาชนนี่แหละ...ที่จะต้องปวดหัวและตามให้ทัน มิฉะนั้นหลงทิศหลงทางได้!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม