ระยะนี้ การเข้าครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ตกเป็นข่าว มีทั้งดีและไม่ดี เนื่องจากการถือครองเอกสารสิทธิที่ดินของประชาชน ที่ภาครัฐออกหนังสือรับรองให้มีหลายกรณี และมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป รวมทั้งระยะเวลาในการเข้าครอบครองที่ดินของรัฐในการนำมาจัดสรรประโยชน์ให้กับประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ก็มีหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รวมทั้งที่ดินที่อยู่ในเขตการครอบครองของกองทัพ เขตอุทยานแห่งชาติอื่นๆอีกมากมายมีกฎหมายหลายฉบับ ที่นำไปบังคับใช้ มีองค์ประกอบอื่นๆ เช่นแผนที่ทางอากาศ การปักเขตแดนที่ไม่ตรงกัน สุดท้ายกลายเป็นความทับซ้อนของปัญหาในการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นๆส.ป.ก. มีภารกิจหลักชัดเจน ในการจัดที่ดินและพัฒนาที่ดิน ให้มีศักยภาพเพียงพอต่อการผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำ ด้านเส้นทางคมนาคม สาธารณูปโภค ที่ผ่านมา ส.ป.ก.มอบหนังสืออนุญาตให้มีการเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน 3 ประเภทด้วยกัน คือ เกษตรกรรม ชุมชนและเอกชน ใน 72 จังหวัด พื้นที่ 36,498 ล้านไร่ หรือ 10% ของพื้นที่ประเทศไทย หรือ 24.50% ของพื้นที่ภาคการเกษตร ที่มีอยู่จำนวน 149 ล้านไร่ ในจำนวนนี้ 3.4 ล้านไร่ อยู่ในเขตชลประทาน และอีก 10 ล้านไร่ อยู่นอกเขตชลประทาน ส่วนที่เหลือทั้งหมด เป็นพื้นที่ขาดแคลนแหล่งเก็บน้ำไว้ใช้ในการประกอบอาชีพ ลักษณะพื้นดินเป็นป่าเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง แต่อัตราการผลิตอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ และนำไปสู่การนำที่ ส.ป.ก.ไปให้ผู้อื่นครอบครองใช้ประโยชน์ดังนั้น สปก. เลขาธิการ ส.ป.ก. เศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ จึงมีแนวนโยบายในการพัฒนาเขตปฏิรูปที่ดิน ให้มีสภาพที่เหมาะสม เกษตรกรสามารถเข้าทำประโยชน์ได้อย่างเพียงพอ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา ได้ดำเนินการขับเคลื่อนบูรณาการพัฒนาพื้นที่ในเขต ส.ป.ก. โดยร่วมมือกับ 9 หน่วยงานได้แก่ กรมชลประทาน กฟภ. กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กำหนดพื้นที่ยึดคืนตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 36/2559 และนำมาจัดที่ทำกินให้กับ ชุมชน ที่ผ่านมาสามารถช่วยให้เกษตรกรมีที่ทำกินกว่า 312,384 ครัวเรือน มีพื้นที่แหล่งน้ำเพิ่มขึ้น เพิ่มศักยภาพในการผลิตไม่น้อยกว่า 35,275 ไร่นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษานำความรู้ด้านวิชาการมาพัฒนาที่ดินและการผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น เช่นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ที่เข้ามาให้ความร่วมมือในการพัฒนาเขตปฏิรูปที่ดินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง อิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ เลขาฯ ส.ป.ก. และ รศ.ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ ร่วมลงนามความร่วมมือนำร่องไปแล้ว 22 โครงการ เป็นการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ฉาวที่ต้นเหตุ เกษตรกรก็เป็นสุข.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม