ก่อนโชแปงเดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา เขาเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่สีไวโอลินเลี้ยงชีวิตข้างถนน เขาใช้ประสบการณ์นั้น แย่งพื้นที่ปากทางเข้าธนาคาร มีผู้คนเดินเข้าออกวันละมากๆ เป็นทำเลทองหาเงินได้ดี พร้อมกับนักไวโอลินผิวดำอีกคนหนึ่ง(เรื่องเล็กๆ ความหมายใหญ่ สุริยเทพ ไชยมงคล อินสไปร์ พิมพ์ พ.ศ.2553)อันที่จริง นักไวโอลินข้างถนนก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าแม่ขายแผงลอย พวกเขาต้องแย่งจับจองทำเลทองที่มีคนมากมายสัญจรผ่าน จึงจะหาเงินได้มากพอ หากได้ทำเลไม่ดี รายได้ก็ไม่ดีตามเวลาผ่านไปหลายวัน โชแปงทำเงินจากการเล่นดนตรีได้ไม่น้อย แต่ทำเลทองนั้นยังไม่ใช่จุดหมาย...โชแปงรํ่าลาเพื่อนนักไวโอลินผิวดำ เข้าโรงเรียนการดนตรี เติมความรู้จากการศึกษาแลกเปลี่ยนทักษะการเล่นไวโอลินชั้นสูง จากเพื่อนนักเรียนที่เก่งกว่าดังนั้น เวลายาวนานที่โชแปงได้ทุ่มเทเวลาและกำลังกับการพัฒนาความสามารถ และเพิ่มทักษะการเล่นไวโอลิน ในสถาบันดนตรี แม้โชแปงจะไม่สามารถหาเงินได้มากเท่าที่เคยได้แต่โชแปงก็รู้ตัวว่าอนาคตข้างหน้าเขาอยู่ที่ไหนสิบปีต่อมา โชแปงมีโอกาสผ่าน ทำเลทองหน้าธนาคารแห่งเดิม...เพื่อนเก่า นักไวโอลินผิวดำ ก็ยังเล่นไวโอลินบนทำเลทองหาเงินได้มาก ด้วยทักษะการเล่นแบบเดิมในอดีตระหว่างเล่น สีหน้าแววตาของเขาแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ ความพึงพอใจ เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรีของตัวเอง โชแปงยืนดูเพื่อนครู่หนึ่งทันทีที่เขาเหลือบเห็นโชแปง นักไวโอลินผิวดำดีใจ ถึงกับหยุดเล่นไวโอลินกลางคัน“สหาย ไม่ได้เจอกันเสียนาน “น้ำเสียงเขาอบอุ่น” ตอนนี้ คุณเล่นไวโอลินอยู่ที่ไหน?”โชแปงบอกชื่อโรงแสดงดนตรีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ที่เขารู้จักดีแต่เข้าใจไปอีกทาง“หน้าปากทางเข้าโรงดนตรีแห่งนั้นเป็นทำเลดี หาเงินได้เยอะหรือ?”“พอใช้ได้” โชแปงตอบ โดยไม่ได้อธิบายอะไรต่อเพื่อนนักดนตรีผิวดำ ไม่รู้เลยว่าโชแปงในเวลาสิบปีต่อมา เป็นนักดนตรีชื่อดัง มีงานแสดงประจำในโรงดนตรีมีชื่อเสียงแห่งนั้นและแน่ล่ะ! เขาไม่ได้เป็นนักไวโอลินข้างถนนเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วจบเรื่องเล็กๆ มีคำอธิบายความหมายใหญ่ๆ คนเราควรรู้ว่าเวลาไหนควรวางมือ และเวลาไหนควรไปเริ่มต้นใหม่ ปลุกความกล้าหาญออกไปเรียนรู้“ชีวิตคนเปรียบเหมือนกระป๋อง ส่วนความกล้าเหมือนที่เปิดกระป๋อง เมื่อถึงเวลาต้องจับที่เปิดกระป๋องให้มั่นแล้วดึงออก จึงจะได้ลิ้มรสความหอมหวานของชีวิต” ผู้รู้คนหนึ่งเคยเปรียบเปรยไว้คนประเภทที่หนึ่งมักสร้างโอกาส คนประเภทที่สองมักคว้าโอกาส คนประเภทที่สามมักรอโอกาสส่วนคนประเภทสี่มักเสียโอกาส คุณล่ะ!เป็นคนประเภทไหน?ผมอ่านเรื่องทำเลทองของโชแปงแล้ว คิดถึงสองพรรคการเมืองใหญ่ ที่กำลังโรมรันพันตูชิงอำนาจการเมืองกรณีรัฐบาลตัดสินใจตัดไฟ ตัดวงจรคลื่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า...ผมมองว่าพรรคคุณอนุทินพลาดชิงโอกาสทองไปฉกาจฉกรรจ์ ตอนเผลอเล่นลีลาการเมือง จนลืมความเจ็บปวดรวดร้าวของเหยื่อไทยที่ถูกปล้นจี้ตีชิงมาหลายปีผมจึงเชื่อว่า ไม่ว่าการเมืองจะผันแปรแค่ไหน พรรคหมายเลขสองก็ยังเป็นที่สอง โอกาสเป็นที่หนึ่งไม่มี.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม