หลังจากรอแจ็กพอตแตกมา 3 เดือน วันนี้ (27 ม.ค.) รัฐบาลนายกฯแพทองธาร ชินวัตร จะเปิดท่อจ่ายเงินหนึ่งหมื่นบาทให้กลุ่มผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์จำนวน 4 ล้านคนโดยกำหนดคุณสมบัติต้องมีสัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เป็นผู้มีเงินได้เกิน 840,000 บาทต่อปี หรือ 70,000 บาทต่อเดือนและไม่มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันเกิน 500,000 บาทข้อสำคัญ ต้องไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือกลุ่มผู้รับเบี้ยคนพิการ ซึ่งได้รับแจกฟรีรอบแรกไปแล้ว 14.5 ล้านคนปรากฏว่ามีผู้สูงอายุที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติที่จะได้รับเงินหนึ่งหมื่นบาทโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ เพียง 3 ล้านคน จากผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 4 ล้านคนเป็นการแจกเงินสดๆ ให้นำไปใช้จ่ายกันอย่างสะดวกโยธิน“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า ปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว รัฐบาลแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทช่วยเหลือค่าครองชีพกลุ่มเปราะบาง สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 12.4 ล้านคนและกลุ่มผู้รับเบี้ยคนพิการอีก 2.1 ล้านคน รวมผู้ได้รับเงินแจกฟรี 14.5 ล้านคนเท่ากับรัฐบาลถลุงงบแจกฟรีก๊อกแรกไปแล้ว 1.45 แสนล้านบาทวันนี้รัฐบาลโอนเงินหนึ่งหมื่นบาท ก๊อก 2 ให้กลุ่มผู้สูงอายุอีก 3 ล้านราย ต้องใช้งบอัดฉีดไปอีก 30,000 ล้านบาทเท่ากับรัฐบาลถลุงงบแจกฟรีไปแล้ว 1.75 แสนล้านบาทโดยใช้งบปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท บวกงบกลางค้างท่ออีก 4.3 หมื่นล้านบาทแต่ยังมีผู้ลงทะเบียนที่ยังรอรับเงินแจกฟรีหนึ่งหมื่นบาทอีก 18.9 ล้านคน จากยอดผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 36.4 ล้านคนรัฐบาลได้เตรียมสำรองงบปี 2568 ไว้แล้ว 1.52 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถแจกผู้ลงทะเบียนที่เหลือรอบสุดท้ายได้อีก 15.2 ล้านคนเนื่องจากตรวจพบผู้มีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ต้องถูกตัดสิทธิ์ไปประมาณ 3.7 ล้านคน จากยอดผู้ลงทะเบียนที่ยังเหลือลอตสุดท้าย 18.9 ล้านคนฉะนั้น งบแจกก๊อก 3 ที่รัฐบาลตุนไว้ 1.52 แสนล้านบาท สามารถนำไปแจกฟรีพอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน“แม่ลูกจันทร์” คาดว่ารัฐบาลจะเปิดท่อจ่ายก๊อกสุดท้ายสำหรับผู้ผ่านคุณสมบัติอีก 1.5 ล้านคน ในช่วงก่อนฉลองเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทยโดยจะโอนจ่ายผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งต้องนำไปใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยรัฐบาลไม่ใช่แจกเงินสดให้เอาไปใช้จ่ายตามอำเภอใจเหมือนที่แจกกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน และแจกกลุ่มผู้สูงวัย 3 ล้านคนเพราะรัฐบาลต้องการให้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1.5 แสนล้านบาทได้ถูกนำไปใช้จ่ายจริงๆ ภายในเวลาที่กำหนดไว้เพื่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจอย่างที่ฉายหนังโฆษณาเพราะการแจกเงินสดหมื่นบาทผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ให้เอาไปใช้จ่ายกันตามใจชอบอย่างที่ผ่านมาปรากฏว่าเม็ดเงินที่รัฐบาลทุ่มลงไปกว่า 1.5 แสนล้านบาท ไม่ได้เกิดพายุหมุนเศรษฐกิจ และไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมแจกไปแล้วเงียบฉี่ ไม่เกิดประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอันแจกไปแล้วหายต๋อม เหมือนน้ำซึมบ่อทรายเม็ดเงินมันหายไปไหน ยังหาคำตอบไม่ได้นะโยม."แม่ลูกจันทร์"คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม