“Bitcoin”..สร้างสถิติราคาสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ ด้วยราคา 1 BTC = $97,628.02 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่จากระดับสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ $94,000 ดอลลาร์ สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567 ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ coinmarketcap.comสำนักข่าว The Block รายงานว่า นอกจากแรงหนุนจากการเลือกตั้งสหรัฐฯที่ยังคงร้อนแรง และมีปัจจัยสนับสนุนอื่นเพิ่มเติม คือ การอนุมัติ Bitcoin ETF Options ที่กำลังทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตซึ่งเห็นได้ว่า Bitcoin ยึดตำแหน่งของตัวเองไว้เคียงข้างหุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ในฐานะการลงทุนของสถาบันหลัก“Bitcoin” ยังคงเป็นผู้นำในโลกของ “เงินสกุลดิจิทัล” แม้จะมีคู่แข่งใหม่ๆ และการพัฒนาของเทคโนโลยีบล็อกเชนอื่นๆอย่างต่อเนื่อง กระนั้นในปี 2567 “Bitcoin” ก็ยังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งในแง่ของการปรับตัวต่อกฎหมาย การยอมรับในตลาดโลก และความผันผวนที่ยังคงเป็นจุดเด่น ผู้สันทัดกรณีแวดวงการเงินย้ำว่า ความท้าทายสำคัญคือ เสถียรภาพ...ความผันผวนของราคาที่ยังไม่สิ้นสุด ด้วยว่า Bitcoin ยังคงมีความผันผวนสูงเนื่องจากราคาขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง แม้ว่าจะสร้างโอกาสในการเก็งกำไร แต่เป็นอุปสรรคสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันตัวอย่างสำคัญ..ราคาของ Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงกว่า 10% ภายในวันเดียว ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับการยอมรับในฐานะ “เงิน” ที่ใช้แทนเงินสดถัดมา..ปัจจัยด้านเทคโนโลยี การพัฒนา Lightning Network ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำธุรกรรมของ Bitcoin ลดค่าธรรมเนียมและเวลาในการยืนยันธุรกรรม น่าสนใจแต่ว่าบล็อกเชนของ Bitcoin ยังคงประสบปัญหาด้านความเร็วเมื่อเทียบกับบล็อกเชนรุ่นใหม่สาม..การยอมรับจากสถาบันและรัฐบาล การยอมรับ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ลงทุนหรือเครื่องมือการชำระเงินยังคงเพิ่มขึ้น โดยบริษัทใหญ่ เช่น Tesla และ MicroStrategy ยังคงถือครอง Bitcoin แต่ในทางกลับกัน บางประเทศ เช่น จีน ยังคงจำกัดการใช้งาน Bitcoin อย่างเข้มงวด หากมองในมุมบวก..โอกาสและความเป็นไปได้ “Bit coin”..เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยุคเศรษฐกิจผันผวน “Bitcoin ได้รับการเปรียบเทียบกับทองคำดิจิทัล เนื่องจากมีอุปทานจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ Bitcoin ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในช่วงเศรษฐกิจโลกเผชิญความไม่แน่นอน”อีกทั้งการพิมพ์เงินจำนวนมากโดยธนาคารกลางในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนหันมาถือครอง Bitcoinกระนั้นแล้วยังมีความเสี่ยงและอุปสรรคสำคัญที่ต้องกังวล นั่นก็คือ ความผันผวนและการเก็งกำไร ทำให้ “Bitcoin” ยากต่อการยอมรับในฐานะสกุลเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน นักเก็งกำไรยังคงครอบงำตลาด ทำให้ราคามีการเปลี่ยนแปลงตามกระแสข่าวและการเคลื่อนไหวของตลาด ถัดมา การโจมตีทางไซเบอร์..แม้ว่าบล็อกเชนของ Bitcoin จะปลอดภัย แต่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนหรือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เกี่ยวข้องยังคงตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์นับรวมไปถึง การกำกับดูแลและกฎหมาย หลายประเทศกำลังวางกรอบกฎหมายใหม่สำหรับการใช้งานและการซื้อขาย Bitcoin เช่น สหรัฐฯ กำลังพิจารณาเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนในคริปโต“กฎหมาย..ที่เข้มงวดเกินไป อาจส่งผลต่อความนิยมและการใช้งาน”สุดท้าย..ปัญหาสิ่งแวดล้อม การขุด Bitcoin ยังคงใช้ พลังงานสูง และในบางพื้นที่ การใช้ไฟฟ้าจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืนยังคงเป็นปัญหาสำคัญ แนวโน้มในปี 2567 จึงมีความกดดันให้ผู้ขุดหันไปใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ถึงตรงนี้บทสรุปมีว่า “Bitcoin” ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางการเงิน แต่เสถียรภาพที่ยังคงมีความท้าทายสูงอาจทำให้การยอมรับเป็นสกุลเงินหลักยังต้องใช้เวลา ในขณะเดียวกัน โอกาสในการเป็น สินทรัพย์ลงทุนทางเลือก และ เครื่องมือชำระเงินแบบกระจายศูนย์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตอกย้ำ “Bitcoin ในปี 2567 เป็นช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวเพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เก็งกำไร แต่เป็นรากฐานของระบบการเงินดิจิทัลในอนาคต” ภาพรวมในยุคที่โลกการเงินดิจิทัลพัฒนารวดเร็ว “เงินสกุลดิจิทัล (Cryptocurrency)” เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับความสนใจทั้งในแง่ของนวัตกรรมทางการเงินและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่ยังคงอยู่คือ “เสถียรภาพ” ของเงินสกุลดิจิทัล และปัจจัยสำคัญต่อการยอมรับในวงกว้าง หากราคาของสกุลเงินมีความผันผวนสูงเกินไป ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการยอมรับในตลาดโลก ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อเสถียรภาพ อาทิ ความผันผวนของราคา เงินสกุลดิจิทัล เช่น Bitcoin และ Ethereum มักเผชิญกับความผันผวนของราคาที่เกิดจากการซื้อขายในตลาดเสรีแนวโน้มในปี 2567 หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป กำลังวางกรอบกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นสำหรับเงินสกุลดิจิทัล เพื่อควบคุมการฟอกเงินและป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน ซึ่งมีข้อดีคือ..ช่วยเพิ่มความโปร่งใส แต่ก็มีข้อเสีย..ที่อาจจำกัดเสรีภาพในบางพื้นที่“เงินสกุลดิจิทัล” ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินของโลก การปรับตัวและเตรียมความพร้อม จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง“อนาคตของเงินดิจิทัลขึ้นอยู่กับว่า..เราจะสร้างเสถียรภาพและความเชื่อมั่นให้กับระบบได้มากเพียงใด”คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม