ภาพจิตรกรรมรามเกียรติ์ ผนังพระระเบียงวัดพระแก้ว กรุงเทพฯ ช่องหนึ่งที่มีคนกล่าวถึงกันมาก คือภาพสุครีพหักฉัตร...เราๆ ท่านๆ คงเคยเดินดูกันบ้างเพียงแต่ไม่รู้ว่าภาพนั้นเป็นฝีมือ ช่างอยู่ อินทร์มี ช่างเขียนเมืองเพชร มืออันดับต้นๆ ในแผ่นดินพระมงกุฎเกล้า ที่ได้รับคัดเลือกไปเขียนในโอกาสกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งมั่นครบ 150 ปีวาระครบรอบ 86 ปี ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว เขียนไว้ในหนังสือ “สมบัติชีวิต” (สำนักพิมพ์พื้นภูมิเพชร นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว บก. พ.ศ.2565) ว่า ที่เมืองเพชรมีผลงานฝีมือช่างเดียวกัน ที่วัดโพธิ์ทัยมณี บางจานและที่วัดท้ายตลาด อำเภอเขาย้อย มีภาพรามสูร เมขลา อาจารย์ล้อมชวนเพื่อนไปดูเมื่อสามสิบปีที่แล้ว และครั้งหลังชวนลูกสาวไปดู ภาพก็ยังสดใสงดงามเหมือนเดิมภาพรามสูรเมขลา เขียนที่ผนังด้านหน้าพระประธานในผนังอุโบสถอาจารย์ล้อมบอกว่าตามประเพณีช่างไทย ผนังด้านหน้าพระประธาน มักจะเขียนภาพมารผจญ การเขียนภาพรามสูร เมขลาหน้าพระประธาน จึงเป็นการพลิกขนบและมีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทยใครเคยไปกรุงเทพฯยืนอยู่กลางสนามหลวง หันหน้าเข้าหาวัดพระแก้ว จะเห็นพระบรมมหาราชวังในมุมกว้าง มีรัตนเจดีย์สีทองตระหง่านเสียดฟ้าทางขวานั่นคือฉากหลังเต็มผนังพื้นที่ผนังด้านหน้าพระประธานที่วัดท้ายตลาด มีรายละเอียดทั้งกำแพง อาคารปราสาทพระเทพบิดร มณฑป และพระปรางค์ที่รายเรียงงดงาม ดังภาพถ่ายสีมีสัดส่วนเหมือนจริงทุกประการเหนือท้องฟ้าขึ้นไปทางซ้ายสุด เป็นภาพนางเมขลาชูดวงแก้ว ส่องแสงเป็นประกายรัศมีไปทั่วท้องฟ้าด้านขวารามสูรกำลังเงื้อง่าเตรียมขว้างขวานเข้าใส่ทุกอย่างได้สัดส่วนทั้งระยะและขนาดเหมาะเจาะ เป็นการออกแบบ ที่ลงตัวดียิ่งรามสูร เมขลา เป็นตัวละครในรามเกียรติ์ อันเป็นส่วนที่สร้างความเชื่อ เรื่องฟ้าแลบ (คือแสงแก้วมณีจากเมขลา) ฟ้าลั่น หรือฟ้าร้อง คือเสียงของขวานที่รามสูรขว้างออกไปและฟ้าผ่า คือขวานโดนเป้าเข้าอย่างจังนี่คือบทอธิบาย ปรากฏการณ์ธรรมชาติของคนโบราณ เมขลามีหน้าที่รักษาน่านน้ำ คอยช่วยเหลือคนที่ลอยคออยู่ในมหาสมุทร (ดังเช่นพระมหาชนก)ในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ เปิดโฉมเมขลาว่า“มาจะกล่าวบทไป ถึงนางมณีเมขลา อยู่ในวิมานรัตนา สำหรับรักษาสมุทรไท เคยไปประชุมด้วยเทวัญ เป็นนิจนิรันดร์หาขาดไม่ ครั้นถึงฤดูกำหนดไว้ อรทัยชื่นชมยินดีแต่งองค์ทรงเครื่องอลงกรณ์ งามงอนจำรัสรัศมี มือถือดวงแก้วมณี เทวีก็ออกจากวิมาน ลงมาจากกลีบเมฆาเล่นด้วยนางฟ้าเกษมสานต์ เรื่อยร้องโอดพันบรรเลงลาน นงคราญรำร่ายไปมา”ส่วนรามสูรคู่กัดเมขลามีบทว่า...“มาจะกล่าวบทไปถึงรามสูรยักษ์ษา อาศัยในกลีบเมฆา เป็นที่ผาสุกสำราญ มีศรขวานเพชรเป็นอาวุธ ฤทธิรุทศักดากล้าหาญ ทั้งหกสวรรค์ชั้นบาดาล เกรงเดชขุนมารไม่ทันกร”อาจารย์ล้อมไปชมภาพรามสูร เมขลา ที่วัดท้ายตลาดเงียบๆ เกิดจินตนาการถึงตำนานฟ้าแลบ ฟ้าลั่น ฟ้าผ่า แม้จะเลยหน้าฝนแล้วก็ยังเห็นแสงแปลบปลาบ ได้ยินเสียงฟ้าร้องในบรรยากาศครึ้มๆขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ส่วนคนรุ่นหลัง...ที่หลายคนยังไม่เคยได้ไปดู...แต่ตอนนี้ ก็มีเรื่องการเมืองตรงหน้าให้มโนโธ่เอ๋ย น้องนางเมขลา เพิ่งรำล่อแก้วบนฟ้าได้ไม่ถึงสองเดือน... เจ้ารามสูร ยักษ์ษา ก็ประกาศว่าจะขว้างขวาน เอ๊ย! ชวนคนลงถนน เดินขบวนไล่กันแล้ว.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม