งานศพ “ไจ๊” ลูกผู้น้องผมที่วัดประทุม แม่กลอง เมื่อปลายสิงหาฯ ก็เหมือนหลายๆงานที่ญาติพี่น้องที่แยกย้ายกันไปอยู่คนละทิศละทางได้มาเจอหน้า นับนิ้วไล่เลียงทุกข์สุขกันงานนี้ไจ๊หญิงลูกสาวคนโต “โกติ๊” ได้ “ไจ๊” ชาย ลูกชายโกอำ ทั้งสองโกคือน้องเตี่ยผมที่เป็นพี่ใหญ่...เป็นประธานจุดศพเรื่องเล่าความหลังตอนแรกเกิดไจ๊หญิงมีสิบเอ็ดนิ้ว ภาษาจีน เรียก “จั้บอิ้ดไจ๊” โกอำเลี้ยงเรียกติดปาก ปีต่อมาลูกชายโกอำเกิด ชื่อเรียกไจ๊หญิง ก็กลายมาเป็นชื่อไจ๊ชาย ซึ่งเติบโตเป็นทหารยศถึงพันเอกไปอีกคนช่วงเวลางานศพไจ๊ พอดีคนพาทายาทอินจันแฝดสยามจากอเมริกา มาดูถิ่นฐานบ้านเกิด “แหลมใหญ่” เตี่ยอินจันมีบันทึกชื่อให้เข้าใจว่าตี๋ เชื่อกันว่าเป็นคนจีนแถวๆบ้านเราผมลองไล่เลียงหาสาแหรกตระกูลก๋งผม มีสามพี่น้อง กิ๋นชุ่ย คัวชุ่ย อั้งชุ่ย ดูบ้างกลุ่มก๊งผมเป็นชาวประมง จากเมืองเกียวอัน จังหวัดอ่ำฮ้ง มณฑลฮกเกี้ยน คะเนจากรุ่นก๊งผมก็เดาได้ว่ามาจากจีนหลังเตี่ยอินจันหลายสิบปีลงจากวางไม้จันทน์จากเมรุ...หันรีหันขวาง เจอ ยังชิน แก้วชัยเจริญกิจ ผมก็แปลกใจยังชินเขียนนิทานการเงิน ผมเอาเรื่องมาเขียนในคอลัมน์หลายครั้ง เพิ่งรู้แม่ยังชินเป็นน้องสาวเฮียซ้ง สามีไจ๊หญิง เออ! ไม่ใช่ญาติใช้หลัก ความคุ้นเคยเป็นญาติ ฝีมือแต่งหนังสืออย่างยังชินสำหรับผมเป็นยิ่งกว่าญาติ“ทำไม ไม่เขียนอีกสักเล่ม?” ผมถาม เพราะคิดว่าฝีมือขนาดยังชินถึงระดับนักเขียนมือรางวัลยังชินมีเรื่องลึกที่ดูจะรู้อยู่ในใจ ไม่บอกผมมารู้หลัง “มติชน” ฉบับ 2 ก.ย. เปิดพื้นที่เต็มหน้า พาดหัวใหญ่นิทานการเงิน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 13 เฮ้ย!เว้ย! หนังสือที่พิมพ์ซ้ำถึง 13 ครั้ง...นี่คือรางวัลใหญ่สำหรับนักเขียนที่เขียนหนังสือเล่มเดียว ใช่ว่าใครผู้ใดจะได้เกียรตินี้ไปง่ายๆมีโฆษณา ปกใหม่ ภาพประกอบใหม่ สนุกเพลินคูณ 2 ผมช่วยโฆษณาซ้ำ อ่านเรื่องที่ 8 เรื่องเดียว เต่าเร็วเท่าม้า กับปลาไม่ต้องว่ายน้ำ ก็คุ้มค่าหนังสือทั้งเล่มแล้วแต่โดยวิสัยผมต้องเอาเรื่องยังชินเขียนให้แฟนๆในคอลัมน์อ่าน...วันนี้ ได้ที ขอเรื่อง “เตี๊ย ” (เสียงเรียกพ่อในสำเนียงจีนฮกเกี้ยน) สอนวิชาหาเงินด้วยขนมโก๋ตอนผมยังเป็นเด็ก อาชีพของเตี๊ยคือขายกาแฟและของชำจึงมีขนมแบบจีนไว้ขาย เช่น ขนมถั่วตัด ขนมคอเป็ด แต่เตี๊ยเลือกยื่นขนมโก๋ ซึ่งเป็นก้อนสี่เหลี่ยมหนาหนึ่งนิ้ว กว้างยาวประมาณฝ่ามือเด็ก“เอ็งว่าขนมโก๋ชิ้นนี้มีค่าเท่าไหร่” เตี๊ยถาม “ชิ้นละสลึง” ผมตอบ ราคากว่าสมัยสามสิบปีเตี๊ยยิ้มแล้วพูดว่า “ขนมโก๋ชิ้นนี้มีค่ามากกว่าหนึ่งสลึง” ผมงง ก็ผมเพิ่งขายไปชิ้นละสลึง และขายหลายครั้งแล้ว เพื่อให้หายงงเตี๊ยอธิบายว่า ขนมโก๋ชิ้นนี้มีค่ามากกว่าสลึงเพราะกว่าที่จะมาเป็นขนมแป้งสีขาวรสหวานเช่นนี้ คนเราต้องปลูกข้าว เอาข้าวมาขัดสี โม่เป็นแป้ง ต้องปลูกอ้อยทำน้ำตาล แล้วต้องนวด ต้องผสมแป้งกับน้ำตาล เมื่อเป็นขนมพร้อมกินแล้วกว่าจะมาถึงร้านยังต้องให้อาแป๊ะแก่ๆหาบมาส่งอีกสมัยนั้น ร้านกาแฟของเตี๊ยซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดสองสามกิโลเมตรเป็นถนนลูกรังสีแดง การคมนาคมไม่สะดวก ผมยังจำภาพอาแป๊ะคนหนึ่งหาบขนมเต็มสาแหรกมาส่งขายที่ร้านได้ดีจำไม่ได้ว่าตอนนั้นผมอายุเท่าไหร่ แต่การเดินทางของขนมโก๋ ชิ้นนั้น ได้เดินคู่กับชีวิตผมมาจนทุกวันนี้อ่านเรื่องการเดินทางของขนมโก๋จบ...หลับตานึกถึงร้านกาแฟเตี๊ยยังชิน ห่างจากบ้านผมไปนิดเดียว...เจอหน้ายังชินอีกที ผมจะถาม...เตี๊ยคุณมาจากเมืองจีน รุ่นเดียวหรือรุ่นหลังก๋งผมมากน้อย?กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม