ในสาส์นจาก “ทางอีศาน” ปรีดา ข้าวบ่อ บอกเล่า สี่เหตุปัจจัย ที่ปรุงแต่งให้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 13ปัจจัยที่ 2 คือ (ชื่อ) อีศาน อัศนี พลจันทร์ ใช้นามปากกา “นายผี” ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2484 เมื่อร่วมกับ จำกัด พลางกูร และ สุด กูรมะโรหิต ออกหนังสือ “เอกชน” แต่เชื่อกันว่า ท่านเขียนหนังสือมาก่อน พ.ศ.2484“นายผี” คือพระศิวะ การเรียกเช่นนั้น เพราะแปลจาก ปีศาจบดี นาย คือบดี ผี คือปีศาจ ตามประวัติพระศิวะเป็นเจ้านายแห่งผี (นายผี อธิบายเอง) งานประพันธ์ของอัศนี พลจันทร์ พัฒนามาตามลำดับตอนใช้นามปากกา กุลิศ อินทศักดิ์ ข้อเขียนหนึ่งที่สุภา ศิริมานนท์ จำได้ บางเรื่อง ตัวละครกระโดดเข้าหน้าต่าง มานอนเอาตีนชี้เพดาน ใครหนอมาบรรเลงเพลงบีโธเฟนนัมเบอร์ไนน์ มันสูงที่สุดนั่นละผีงานด้านบทกวี “นายผี” ตั้งแต่ตีพิมพ์เผยแพร่จนเสียชีวิต (เกิด 2461-ตาย 2530) มีกว่า 300 ชิ้นผลงานอมตะชิ้นหนึ่งคือ บทกวี “อีศาน!” ตีพิมพ์ในคอลัมน์อักษราวลี น.ส.พ.สยามสมัย 3 เม.ย.2495 (พื้นที่น้อย ขออนุญาตตัดบางตอน)ในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย ก็รีบซาบบ่รอซึม แดดเปรี้ยงปานหัวแตก แผ่นดินแยกอยู่ทึบทึม แผ่นอกที่ครางครึม ขยับแยกอยู่ตาปี....พี่น้องผู้น่ารัก น้ำใจจักไฉนหือ ยืนนิ่งบ่ติงคือ จะใคร่ได้อันใดมา? เขาหาว่าโง่เง่า แต่เพื่อนเฮานี่แหละหนา รักเจ้าบ่จางฮา แลเหตุใดมาดูแคลนเขาซื่อสิว่าเซ่อ ผู้ใดเน้อนะดีแสน ฉลาดทานเทียมผู้แทน ก็เห็นท่าที่กล้าโกง กดขี่บีฑาเฮา ใครนะเจ้าจงเปิดโปง เที่ยววิ่งอยู่โทงโทง เทียวมาแทะให้ทรมานรื้อคิดยิ่งรื้อแค้น ละม้ายแม้นห่าสังหาร เสียตนสิทนทาน ก็บ่ได้สดวกดายในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย คือเลือดหลั่งลงโลมดินสองมือเฮามีแฮง เสียงเฮาแย้งมีคนยิน สงสารอีศานสิ้น อย่าซุดสู้ด้วยสองแขน พายุยิ่งพัดอื้อ ราวป่าหรือราบทั้งแดน อีศานนับแสนแสน สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?....จิตร ภูมิศักดิ์ วิจารณ์ไว้ใน น.ส.พ.สารเสรี “บนหน้าหนึ่งของวรรณคดีไทย อันจักเขียนขึ้นโดยปราชญ์แห่งประชาชนในอนาคต จักต้องจารึกไว้อย่างภาคภูมิ และทระนงว่า เพชรน้ำเอกของวรรณคดี ปรากฏออกสู่สายตามวลชนเพชรน้ำอีกชิ้นนั้นก็คือ บทกลอน “อีศาน” อันเลื่องลือกำจรของมหากวีแห่งประชาชน ผู้ใช้นามปากกา นายผีปรีดา ข้าวบ่อ เขียนว่า อิทธิพลของ “อีศาน” ต่อนักกวี ไล่เรียงมาตั้งแต่จิตร ภูมิศักดิ์ เปลื้อง วรรณศรี นเรศ นโรปกรณ์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ รวี โดมพระจันทร์ วิทยากร เชียงกูล สถาพร ศรีสัจจัง เสกสรรค์ ประเสริฐกุล สมคิด สิงสง ประเสริฐ จันดำ วิสา คัญทัพ วัฒน์ วรรลยางกูร คมทวน คันธนู จิรนันท์ พิตรปรีชา ฯลฯรวมนักเขียนยุคหลัง 2500 ที่ไม่สามารถเอ่ยนามได้ครบถ้วน สังเกตกาพย์ยานีชิ้นเด่นๆของนักเขียนที่อ้างถึง ย่อมมองเห็นสายธารซึ่งไหลต่อเนื่องกันมาทั้งหมดที่ผมถ่ายทอด บก.ทางอีศาน ตั้งใจบอกว่า ชื่อหนังสือ “ทางอีศาน” ที่ฝ่าฟันปัญหาสารพัน ยืนหยัดได้งามสง่า มาถึงวันนี้ ได้รอยพิมพ์ใจมาจากบทกวีของนายผีเด็กๆรุ่นหลัง อ่านเรื่องนี้อาจไม่เข้าใจนัก แต่คนรุ่นผม ยังจำกันได้ ในสมรภูมิการต่อสู้ 14ตุลา 2516 พลังหนึ่งที่ปลุกเร้าหัวใจ นิสิตนักศึกษาประชาชน ไม่ว่าคนบนเวที หรือคนบนท้องถนน ให้เต้นเร่าๆมีเสียงร้องนำ “ในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย คือเลือดหลั่งลงโลมดิน และเสียงร้องย้ำหนักแน่นท่อนจบ อีศานนับแสนแสน สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?”สารภาพครับ ผมเองรู้จักชื่อ “นายผี” มาบ้าง มารู้จักมากขึ้น ในครั้งนี้นี่เอง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม