กลับจากสามชุกเมืองสุพรรณถึงบ้านเกือบค่ำ เพื่อนเจี๊ยบจากรังนกกระจอก ส่งภาพเพื่อนบ้าน ซอยวิภาวดี 5 หลังตลาดหมอชิตเก่า...ไปเป็นแขก (ไม่รับเชิญ) นายกฯเศรษฐาถึงทำเนียบรัฐบาลมีตัวหนังสือถาม ทำไมพี่จึงไม่ไปนี่น่าจะเป็นคำถามเดียวกับตอนที่ รมช.คลังคนใหม่ ลงแรงไปรับร้องทุกข์ ถึงบ้านคุณแหม่ม...ตัวแทนพวกเราชาวซอยวิภาวดี 5 ร่วมชะตากรรมนอนก่ายหน้าผาก จากปัญหาคนของรัฐ สุมหัวกันเขียนกฎหมาย เวนคืนเอาที่ดินไปประเคนให้ ทำถนนลอยฟ้า เชื่อมโครงการพ่อค้ากับถนนวิภาวดีฯ มาเกือบสามสิบปีวันนั้นก็บังเอิญอีกนั่นแหละ...ผมดัดจริตไปงานเพื่อนอยู่ที่คลองหลวง เมืองปทุมธานีวันนี้แม้ผมแก่เต็มที แต่ก็ยังพอมีหัวจิตหัวใจหนาวร้อนไปกับเพื่อน แล้วก็หัวจิตหัวใจเดียวกันนี้ ก็มีเลือดนักข่าวเข้มข้น เคยหัวชนฝามาแบบไหน วันนี้ก็ยังพอมีแรงชนเก่าๆเหลืออยู่นึกถึงเมื่อครั้งเอาเรื่องนี้ไปกันถึงสภาครับ ยังจำได้ รัฐบาลท่านนายกฯชวน หลีกภัย...เจอ ดร.มานะ มหาสุวีรชัย ประธานกรรมาธิการคมนาคม และคณะกรรมาธิการอีกหลายท่าน ซึ่งอย่างน้อยท่านก็รับฟังอย่างดีโครงการพ่อค้า...จะชอบธรรมมากน้อย...ผิด พ.ร.บ.ร่วมทุนแค่ไหน ...อธิบดีธนารักษ์เจอข้อหารับสินบน หล่นเก้าอี้ไปแล้วยังไง? พูดไปก็มากแล้ว ยังเหลืออีกเรื่อง...ที่ผมก็บอกคณะกรรมาธิการ...“เสี่ย” เจ้าของโครงการฯส่งลูกน้อง ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ มาบอกกล่าวเอากับผมตรงๆ ว่าหมดค่าน้ำร้อนน้ำชาไปกับนักการเมือง...ที่เรียงๆหน้ากันมา 6 คน คนสุดท้ายเขาออกชื่อเต็มปาก...วันนี้ก็ยังเบ้อเริ่มเทิ่มในพรรคการเมืองใหญ่ คนเดียว 200 ล้านสิริรวมๆ เฉพาะค่า “เอาใจ” ตั้งแต่เริ่มโครงการไปถึงเวลานั้น 1 พันล้าน ฟังชัดหูกันทุกคนนะครับ พันล้านลูกน้องเสี่ยบอกคำสุดท้าย...ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยกับนักข่าวอย่างผม ขอความเห็นใจ อย่าต่อต้านโครงการของเขาเลยโครงการพ่อค้าฟังดูอู้ฟู่อย่างนี้ละกระมัง...อีกไม่กี่วันก็มี สส.ที่เป็นกรรมาธิการฯสองท่าน บอกกับชาวซอยวิภาวดี 5 ว่า สนใจอยากมาดูสถานที่ ชาวซอยกลัว สส.บอกต่อมาให้ผมรับหน้า กินข้าวกินปลาในร้านครัวครอบครัว (ตอนนี้ปิดไปแล้ว) ไปมื้อหนึ่งแล้วก็กลับไป ไม่มีของฝากอะไรติดมือให้...ค่าข้าวมื้อนั้น ผมจ่ายเองคุยโม้ก็ได้...นักข่าวนะครับ...นักการเมือง ข้าราชการใหญ่ กระทั่งตำรวจ เขามักชวนไปเลี้ยงแต่ละมื้อแพงแสนแพง จนเกือบเสียนิสัยฮาๆอย่าหัวเราะ...งานนี้นักการเมืองเล็กๆ เล่นบทผิดด้าน รีดกระเป๋าเงินนักข่าวจนๆอย่างผมได้ทุกข์แค่นี้นิดหน่อย เพราะทุกข์ที่ใหญ่กว่า คือ ชาวซอยก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก จะทำขยับขยายอะไรก็ไม่ถนัด เพราะข่าว กทม.ต่ออายุกฎหมายเวนคืนต่อเนื่องกันมา ไม่รู้ว่ากี่รัฐบาลมีฉากหนึ่งคราวไปร้องถึงสภา ผมอยากฟื้นความหลัง...ตัวแทน กทม.ระดับผู้อำนวยการ พอเขาแจกแจงว่า เป็นข้าราชการทำตามหน้าที่ ผมก็ชี้หน้าขู่ฟ่อ ถ้าเปลี่ยนรัฐบาล เตรียมเข้าคุกข้อหาคอร์รัปชันเอาไว้ผมจดจำชื่อ ผอ.คนนี้...แปลกใจครับ นานถึง กทม.ยุคคุณชาย เป็นถึงรองผู้ว่าฯ อื้อฮือ! ก้าวหน้ามากพอมีข่าวผู้บริหาร กทม.ยุคนั้นเจอข้อหาคอร์รัปชัน รถดับเพลิง... ผมก็ไม่แปลกใจ เมื่อบ่มเพาะเชื้อโรคชั่วเอาไว้ ได้เวลาเชื้อชั่วก็เข้าตัวชาวบ้านอย่างเราๆจะสู้รบตบมือกับอำนาจก็ไม่ไหว ทำได้แค่รำพึง นี่คือกฎแห่งกรรม.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม