แนะนำเพื่อเรียกความขลัง เจ้าหยุย ผู้เขียนคัมภีร์ ฉางต่วนจิง (ศาสตร์แห่งการยืดหยุ่นและพลิกแพลง อธิคม สวัสดิญาณ เรียบเรียง เต๋าประยุกต์พิมพ์ ครั้งที่ 4 พ.ศ.2549) ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ หลี่ไป๋ กวีเอกราชวงศ์ถางระดับความขลังจะมากน้อย ก็แค่ลองอ่าน บรรพที่ 1 การปกครอง ต่อไปนี้กษัตริย์เหยา (เมธีกษัตริย์ยุคตำนาน) ซุ่นเป็นหัวหน้าฝ่ายยุติธรรม ซี่เป็นหัวหน้าฝ่ายกลาโหม หวี่เป็นหัวหน้าฝ่ายชลประทาน โฮ่วจี้เป็นหัวหน้าฝ่ายเกษตร ขุยเป็นหัวหน้าฝ่ายดนตรีการ ฉุยเป็นหัวหน้าฝ่ายโยธา ป๋ออี๋เป็นหัวหน้าฝ่ายราชพิธี เกาเถาเป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย และ อี้เป็นหัวหน้าฝ่ายพรานหากพูดกันตามความสามารถในแต่ละหน้าที่ กษัตริย์เหยาจะเทียบเทียบเคียงกับผู้ใดหาได้ไม่ แต่กษัตริย์เหยาคือองค์เหนือหัวปกครองขุนนางทั้งเก้านั้น นี่เป็นเพราะเหตุใด?เพราะกษัตริย์เหยาทรงทราบดี ขุนนางทั้งเก้ามีความสามารถในด้านใด จึงแต่งตั้งให้รับผิดชอบงานด้านนั้น และก็ปกครองแผ่นดิน บนพื้นฐานคุณงามความดีที่ขุนนางทั้งเก้าสร้างสมัยต่อๆมา ฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้ (หลิวปัง) ตรัสว่าข้าไม่อาจเทียบกับจางเหลียง ในด้านวางแผนในกระโจม คว้าชัยไกลพันลี้ ข้าไม่อาจเทียบกับเซียวเหอ ในด้านการบำรุงทุกข์สุขราษฎร สนองธัญญาหารแก่แนวหน้า และรักษาความสงบของชาติบ้านเมือง ข้าไม่อาจเทียบกับหานซิ่น ในด้านศิลปะแห่งการนำทัพ คุมกำลังพลต่อต้านกำลังพลนับล้าน รบทุกครั้งชนะทุกครั้งจางเหลียง เซียวเหอ และหานซิ่น ล้วนเป็นยอดคนในแดนดิน แต่ข้าช่วงใช้พวกเขาได้นี่คือสาเหตุที่ข้ายึดครองแผ่นดินจึงอาจกล่าวได้ว่า ใช้ปราชญ์เป็นคือวิถีแห่งขัตติยราช ทำงานเป็นคือวิถีแห่งขุนนางเหตุผลนี้ดุจเดียวกับวัสดุไร้รูปสามารถบงการสรรพสิ่ง ความไร้ต้นสายปลายเหตุ คือรากฐานเหตุการณ์ทั้งปวง ดังหนึ่งเสียงกลองมิได้อยู่ในเสียงทั้งห้า กลับคือนายแห่งเสียงทั้งห้ากษัตริยราชผู้รู้แจ้งในขัตติยมรรค มิได้ก้าวก่ายงานของเสนาอำมาตย์ กลับคือผู้บงการความเป็นไปทั้งปวงกษัตริยราชยืนหยัดมรรคแห่งการใช้ปราชญ์โดยระมัดระวัง เสนาอำมาตย์ต่างปฏิบัติหน้าที่โดยความรับผิดชอบ นี่เป็นเรื่องมีมูลฐานบูรพกษัตริย์สำนึกในเหตุผลข้อนี้ดี จึงสามารถใช้ข้อเด่นของผู้อื่น ประหนึ่งข้อเด่นของตนเอง เพราะรู้แจ้งในขัตติยมรรคโดยแท้ผู้ที่มิรู้แจ้ง กลับตรงกันข้าม ช่วงใช้วงศาคณาญาติ ไม่ยอมช่วงใช้ปราชญ์ ปราชญ์จึงหนีห่าง เมื่อเป็นเช่นนี้ เกียรติภูมิของกษัตริยราชจึงถูกบั่นทอนแผ่นดินจะตกอยู่ในห้วงวิบัติภัยกษัตริยราชทังและอู่ สามารถยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของราชวงศ์เซี่ยและซางภายในวันเดียว แบ่งแผ่นดินพระราชทานให้เหล่าสามนตราชช่วยกันปกครอง จึงมิมีผู้ใดกล้าไม่จงรักภักดี และไม่ปีติยินดีแบ่งสมบัติพัสถานพระราชทานให้ขุนนางน้อยใหญ่และไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน จึงไม่มีผู้ใดได้อุ้มชูทังและอู่เป็นกษัตริยราช ทั้งนี้ เพราะว่ากษัตริยราชทังและอู่ ทรงสันทัดในการใช้สิ่งที่มิใช่ของตนวิถีแห่งผู้นำ ที่เจ้าหยุย เขียนไว้ในฉางต่วนจิง มีแค่นี้แหละครับ...ปัญหาของชาวบ้านอย่างพวกเรา คือตอนนี้ยังงงๆกันว่า ใคร! คือผู้นำแต่หากใคร? ชัดแจ้งความเป็นผู้นำในหน้าที่...จะใช้อำนาจตัดสินอะไรในตอนนี้...มองให้รอบด้าน ความถูกต้องนั้น คำนึงแต่ตัวบทกฎหมายไม่ได้ ต้องคำนึงถึงความชอบธรรมทางจิตใจคนส่วนใหญ่ด้วย.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม