ผมเพิ่งอ่าน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนพฤษภาคม เป็นฉบับพิเศษขึ้นปีที่ 43 มีการจัดอันดับ “300 บริษัทยอดเยี่ยมในตลาดหุ้นไทย 300 Best Public Companies 2024” มีบริษัทไหนคว้าแชมป์ยอดเยี่ยมในแต่ละเซ็กเตอร์ ไปหาอ่านกันดูนะครับ ประเด็นที่ผมจะเขียนในวันนี้มาจากคอลัมน์ World Exclusive ในฉบับเดียวกัน เห็นชื่อเรื่องก็ต้องรีบอ่าน “ส่องเศรษฐีอินเดียไต่สู่ระดับ Top 3 ของโลก” อินเดียที่มีประชากรมากที่สุดในโลกกว่า 1,400 ล้านคน ตามสื่อเห็นมีแต่คนยากจน ใครจะเชื่อว่าวันนี้อินเดียมีเศรษฐีกว่าล้านคนแล้ว และ “ตลาดหุ้นอินเดีย” ก็พุ่งแซง “ตลาดหุ้นฮ่องกง” ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลกทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วง 10 ปี ที่ นายนเรทรา โมดี เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้อินเดียกำลังมีการเลือกตั้งใหญ่ คาดกันว่า นายโมดี จะชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกฯสมัยที่ 3 อีก 5 ปีช่วง 10 ปีที่ นายโมดี เป็นนายกฯ ด้วยนโยบาย Invest India และ Make in India ทำให้เศรษฐกิจอินเดียฟู่ฟ่าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ รัฐตอนใต้ของอินเดียมี Tech Startup เกิดขึ้นมากมาย ไม่แพ้ซิลิคอนวัลเลย์ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ความคึกคักของเศรษฐกิจอินเดีย ทำให้มีเศรษฐีเกิดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ธนาคารสวิสได้มีการสำรวจความมั่งคั่งของชาวอินเดีย ผู้ที่มีทรัพย์สิน 1 ล้านดอลลาร์ หรือ 36 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมบ้านหลังแรก ให้ถือเป็น Millionaire หรือ “เศรษฐีเงินล้าน” ไม่รวมพวกเศรษฐีสีเทาผลการสำรวจ เศรษฐีเงินล้านอินเดีย ของ ธนาคารสวิส ในปี 2022 พบว่าอินเดียมีเศรษฐีเงินล้าน 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป จำนวน 850,000 คน รวมทรัพย์สินกว่า 850,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 10 ปีก่อนที่มีเศรษฐีเงินล้านเพียง 473,000 คน อัตราการเติบโตของเศรษฐีเงินล้านในอินเดียเฉลี่ย 8.5% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สูงกว่าจีดีพีของอินเดียที่เติบโตเฉลี่ย 5.6% ในช่วง 10 ปีเดียวกัน ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจอินเดียกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ผู้จัดการความมั่งคั่งของธนาคารสวิสคาดการณ์ว่าจำนวนเศรษฐีเงินล้านดอลลาร์ของอินเดียจะเพิ่มขึ้นราว 15–20% ต่อปี ทำให้เศรษฐีอินเดียในปี 2023 น่าจะมีราว 977,500–1,020,000 คน หรือกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียวบรรดาสำนักงานวิจัยต่างๆ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐีรุ่นใหม่อินเดีย มีความแตกต่างจาก เศรษฐีรุ่นเก่า อย่างเห็นได้ชัดข้อแรก คนรวยรุ่นใหม่จะไม่กระจุกตัวอยู่ในเมืองขนาดใหญ่เหมือนเศรษฐีรุ่นเก่า แต่กระจายไปอยู่ในเมืองระดับรอง เนื่องจากอินเดียมีการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคขยายครอบคลุมหมด ทั้งการขนส่ง การเดินทาง ความสะดวกรวดเร็ว และต้นทุนต่ำ ระบบโทรคมนาคมการสื่อสารก็คล่องตัว แต่รัฐแต่ละเมืองสนับสนุนกันเต็มที่ เพื่อแย่งชิงความเจริญแข่งกัน ทำให้นักธุรกิจเงินล้านไม่ต้องลากสังขารไปทำมาหากินในเมืองใหญ่อีกต่อไป อยู่บ้านเกิดก็รวยได้ข้อสอง คนรวยรุ่นเก่ามักมีอายุกว่า 50 ปีขึ้นไป แต่คนรวยรุ่นใหม่อินเดียมีอายุเฉลี่ย 30–40 ปี ส่วนใหญ่รวยจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เพราะโอกาสเปิดกว้างกว่าในอดีต เศรษฐีรุ่นใหม่มักใช้บริการของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง เช่น Anand Rathi wealth ระบุว่าบริษัทของเขามีลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารราว 6,600 ล้านดอลลาร์ข้อสาม เศรษฐีรุ่นใหม่พร้อมลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ปัจจุบันคนมีรายได้ระดับปานกลางในอินเดีย กำลัง คลั่งไคล้การลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้นักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นอินเดียอย่างรวดเร็ว ก่อนเกิดโควิดในปี 2020 มีนักลงทุนรายย่อยราว 31 ล้านคน 12 เดือนผ่านไปเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคนในช่วงโควิด ข้อมูล ล่าสุดมีนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นมากกว่า 90 ล้านคนแล้ว บางสำนักวิจัยคาดว่า นักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านคนในสิ้นปี 2023 เป็นตัวเลขที่น่าตื่นตะลึงมากวันนี้ คนไทยรุ่นใหม่ ก็หันมาลงทุนในตลาดหุ้นหลายล้านคน ถ้ารัฐบาลสนับสนุนจริงจัง ทำให้ตลาดหุ้นไทยแข็งแรง มีผลตอบแทนที่ดี จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยได้อย่างมาก.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม