อธิคม สวัสดิญาณ ผู้แปล เขียนไว้ในคำนำหนังสือ เจินกวนเจิ้งเย่า ยอดกุศโลบายจีน (สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2552)...ตอนหนึ่งว่าอู๋จิง ขุนนางผู้บันทึกจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ สมัยราชวงศ์ถาง ปรารถนาจะเห็นการเมืองแบบสะอาดยุติธรรมในสมัยถางไท่จงฮ่องเต้ (หลี่ซื่อหมิน) อีกครั้งจึงรจนาคัมภีร์เล่มนี้ ถวายถางไท่จง ฮ่องเต้ โดยหวังว่าพระองค์จะทรงศึกษาและเอาเยี่ยงอย่างน่าเสียดาย ที่เจตนารมณ์ของท่านไม่เป็นจริงแต่ผลสะเทือนของคัมภีร์กลับอยู่เหนือความคาดหมายเชื่อกันว่า ทำให้ราชวงศ์ถางเจริญรุ่งเรืองยาวนานเกือบ 300 ปี ดังที่นักประวัติศาสตร์เห็นว่าเป็นยุคทองของศักดินาจีนคัมภีร์เจินกวนเจิ้งเย่า แบ่งเป็น 10 บรรพ 40 บท บรรพที่ 7 บทที่ 28 มีเนื้อหา ต่อไปนี้เจินกวนศก 13 (ค.ศ.639) จูซุ่ยเหลียง ดำรงตำแหน่งอำมาตย์ควบตำแหน่งราชเลขานุการส่วนพระองค์ถางไท่จงฮ่องเต้ตรัสแก่ท่านว่า “พักนี้ท่านรับผิดชอบบันทึกคำพูดและการกระทำของข้าฯ ท่านบันทึกอะไรไว้บ้าง? ให้ข้าดูหน่อยจะได้ไหม”จูซุ่ยเหลียงกราบทูลว่า “ขุนนางที่ทำหน้าที่บันทึกคำพูดและการกระทำขององค์จักรพรรดิในปัจจุบัน ก็ไม่ต่างจากจั๋วสื่อและอิ้วสื่อในสมัยโบราณ ไม่ว่าด้านดีหรือด้านเลว ล้วนต้องจดบันทึกไว้จุดมุ่งหมายอยู่ที่ให้องค์เหนือหัวไม่กล้าทำสิ่งผิดขนบจารีตผู้น้อยยังไม่เคยได้ยินว่า มีจักรพรรดิองค์ไหน เรียกร้องต้องการตรวจสอบบันทึกเหล่านี้ถางไท่จงฮ่องเต้ตรัสว่า “สิ่งที่ข้าทำได้ไม่ดี ท่านก็บันทึกไว้ใช่หรือไม่?”จูซุ่ยเหลียงกราบทูลว่า “ผู้น้อยได้ยินว่า รักษาคุณธรรม มิสู้รักษาหน้าที่ หน้าที่ของผู้น้อยคือใช้พู่กันบันทึกทุกเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา แล้วผู้น้อยจะไม่บันทึกไว้ได้ละหรือ?”อำมาตย์หลิวจี้ก็กราบทูลว่า “จักรพรรดิพลาดพลั้งทำผิด ดุจเดือนตะวันมืดอับ ยามเกิดจันทรคราส และสุริยคราส ทุกคนมองเห็น ถึงจูซุ่ยเหลียง ไม่บันทึก เหล่าพสกนิกรทั่วแผ่นดินก็จดจำ”เรื่องนี้น่าจะค้างคาพระทัย ถางไท่จงฮ่องเต้อยู่เป็นปี ต่อมา เจินกวนศก 14 (ค.ศ.640) ทรงเอาเรื่องนี้ตรัสกับฝางเสวียนหลิง อำมาตย์ใกล้ชิดอีกคน ว่า“ข้าชอบอ่านจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ในยุคก่อน ในนั้นเชิดชูสิ่งดีงาม วิพากษ์สิ่งที่ชั่วร้าย เหมาะสำหรับเตือนสติชนรุ่นหลัง ไม่ทราบเหตุใด จึงไม่อนุญาตให้องค์จักรพรรดิอ่าน จดหมายเหตุประวัติศาสตร์ ที่บันทึกเรื่องราวของพระองค์ในยุคนั้น”ฝางเสวียนหลิง กราบทูลว่า “ในเมื่อจดหมายเหตุประวัติศาสตร์บันทึกทั้งเรื่องดีและเรื่องเลวไว้ โดยหวังว่าองค์เหนือหัวจะไม่กล้าทำสิ่งที่ผิดขนบจารีต เพียงเกรงว่าบันทึกบางอย่าง จะไม่เป็นที่ถูกพระทัยจึงมีกำหนดมิให้องค์จักรพรรดิอ่านจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ ที่บันทึกเรื่องราวในยุคของพระองค์ถางไท่จงตรัสว่า “วิธีคิดของข้าฯ แตกต่างกับคนสมัยโบราณ ข้าต้องการอ่านก็เพราะว่า ถ้าสิ่งที่บันทึกเป็นเรื่องที่ไม่ดี ข้าฯจะถือเป็นข้อเตือนใจ สำหรับแก้ไขปรับปรุงตนเอง”เป็นอันว่า ถางไท่จงฮ่องเต้ ได้อ่านจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ สมัยถางเกาจู่ ฮ่องเต้ และสมัยพระองค์เอง พระองค์ละ 20 บรรพ แล้วตรัสว่า ผู้จดบันทึกใช้ภาษาบางเรื่อง คลุมเครือไร้สาระควรจะปรับปรุงให้เขียนอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้จักรพรรดิรุ่นหลังใช้เป็นคันฉ่องส่องตนเบื้องหลัง 300 ปี ยุคทองของราชวงศ์ถาง...มาจากบันทึกจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ ที่ชัดเจนตรงไปตรงมานี่เอง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม