เร่งตีปี๊บทำแต้มเพิ่มทุกทางอีเวนต์ต่อเนื่อง เดินหน้าวาระแห่งชาติแก้หนี้นอกระบบที่เพิ่งคิกออฟขึ้นทะเบียนแก้ปัญหาไปหมาดๆ“นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เรียกประชุมใหญ่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ทีมผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศมอบนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เอาจริงเอาจังการปลดแอกคนจนพ้นการค้าทาสยุคใหม่ให้หมดจากประเทศไทย สั่งการแข็งขันฝ่ายปกครองและตำรวจกำราบเจ้าหนี้ขูดรีดดอกเบี้ยโหด โดยไม่มีการละเว้น และไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ตามช็อตเชือดไก่ให้ลิงดู ลากตัวแก๊งเงินกู้คุกคาม ทำลายร้านค้า จ.ชัยนาท ที่ไปขึ้นทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ จับกุมคนทำผิดมาลงโทษทันทีทันใด พร้อมขยายผลหาตัวผู้บงการใหญ่ต่อโชว์ให้เห็นความเด็ดขาด ความดุดันแก้หนี้นอกระบบ ไม่มีลูบหน้าปะจมูก“นายกฯนิด” เหยียบคันเร่ง หันมาโกยแต้มนโยบายควิกวิน ทั้งการแก้หนี้นอกระบบ การหั่นค่าไฟฟ้า พยุงราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน เน้นทำแต้มจากเรื่องที่ชาวบ้านมีอารมณ์ร่วม ในยามที่นโยบายเรือธงหลัก “ดิจิทัลวอลเล็ต” ยังขลุกขลัก ไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ต้องลุ้นตัวโก่ง เงินหมื่นจะถึงมือประชาชนจริงหรือไม่อีกทางก็ต้องปรับตัวให้เข้าถึงลูกพรรคมากขึ้น อย่างที่เห็นคิวร่วมสังสรรค์เฮฮากับ สส.เพื่อไทย ในการประชุมสัมมนาพรรค เมื่อวันที่ 6–7 ธ.ค. ที่ จ.นครราชสีมาลุยกระชับสัมพันธ์ เพิ่มความแนบแน่น สนองความต้องการสมาชิกพรรค อยากให้นายกฯใกล้ชิด สส.มากขึ้น โทร.ไปหาให้ช่วยรับสายด้วย“นายกฯนิด” ลดเพดานบิน หันมาผูกมิตรลูกพรรค เพื่อเพิ่มต้นทุนการเมือง เลี่ยงสภาพหัวเดียวกระเทียมลีบไฟต์บังคับที่ต้องบริหารความพึงพอใจประชาชน และ สส.ควบคู่กันไป หลังหมดเวลาฮันนีมูน ทำงานใกล้ครบ 3 เดือน แต่เนื้องานส่วนใหญ่วนอยู่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสถานการณ์ที่ผลงานหลักยังชกไม่เข้าเป้า แต่ต้องแบกความหวังประชาชน 68 ล้านคน สารพัดเรื่องจนหลังแทบหัก มีเรื่องปวดหัวให้ต้องแก้ไขตลอดเวลาแรงกดดันรอบด้านพุ่งปะทะนายกฯ จนความเครียดพุ่งปรี๊ด ในห้วงที่พรรคก้าวไกลกำลังเร่งเครื่อง ตรวจสอบการทำงานรัฐบาลอย่างหนัก ภายหลังสะสางปัญหาในพรรค กลับมาตั้งหลักได้ถ้า “นายกฯนิด” ยังไม่สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ได้หืดจับแน่แต่ที่ยังต้องลุ้นหนัก จะกลับมาตั้งหลักได้หรือไม่ คือพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอีเวนต์ใหญ่ เลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ วันที่ 9 ธ.ค.นี้แนวโน้มสูงที่เก้าอี้ผู้นำพรรคจะเปลี่ยนมือจากทีมผู้เฒ่า ขั้วอำนาจเดิมอย่าง นายชวน หลีกภัย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค ไปสู่ขั้วอำนาจใหม่ตามที่ 21 สส.ขั้วใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ส่งสัญญาณล็อกสเปก ยกเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่ให้ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ขึ้นมากอบกู้สถานการณ์ตกต่ำในพรรค พลิกเกมใหม่ถอด “นราพัฒน์ แก้วทอง” รักษาการรองหัวหน้าพรรค จากผู้สมัครชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคในความรู้สึกที่แอบเสียวอยู่ลึกๆชื่อ “นราพัฒน์” อาจไม่ได้รับการยอมรับมากพอจากสมาชิกทุกกลุ่ม มีสิทธิพลิกล็อกแพ้ “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา บุนนาค คู่แข่งคนสำคัญ ที่มีจุดเด่นขี่กระแสคนรุ่นใหม่ อย่างที่ “นิด้าโพล” และการสำรวจความเห็นประชาชนของ “สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา” ระบุ ประชาชนครองใจ “มาดามเดียร์” มากกว่า “นราพัฒน์”ขั้วใหม่แหยงกระแสโพล จู่ๆมีผลโพลออกมาก่อนเลือกหัวหน้าพรรค เลยต้องเปลี่ยนแผนใช้เบอร์ใหญ่ “เสี่ยต่อ” ที่แน่นพอทั้งบารมี และฐานการเมือง เอาชัวร์ไว้ก่อนในเกมเปลี่ยนหัวประชาธิปัตย์ที่พลาดไม่ได้รอบนี้เหลือแค่รอการคอนเฟิร์มจาก “เสี่ยต่อ” จะเซย์เยสขี่หลังเสือเป็นผู้นำพรรคคนใหม่หรือไม่ขั้วอำนาจใหม่ประชาธิปัตย์จ่อยึดพรรคเบ็ดเสร็จ ซิวทั้งเก้าอี้หัวหน้าและเลขาธิการพรรค แต่สิ่งที่ต้องลุ้นต่อคือ ธรรมชาติของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ฝ่ายพ่ายแพ้มักไม่มีที่ยืนในพรรคเหมือนหนังตัวอย่างกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายกรณ์ จาติกวณิช หรือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ต้องเก็บกระเป๋าออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังแพ้ชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค จบไม่สวยกันทุกรายเรื่องสำคัญที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องถอดบทเรียนความล้มเหลวของพรรค รู้จักประนีประนอม ไม่ผูกขาดอำนาจแค่กลุ่มของฝั่งชนะ แต่ต้องประสานทุกฝ่ายให้มีที่ยืนร่วมกันบทพิสูจน์ฝีมือผู้นำทัพคนใหม่ จะพาประชาธิปัตย์ฟื้นวิกฤติ หรืออมโรคต่อ!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม