การเลือกตั้งที่ผ่านมา นอกจาก “ก้าวไกล” จะแหกโผขึ้นมายืน 1 ในฐานะพรรคที่กวาดเสียงมากสุด 151 เสียงเอาชนะ “เพื่อไทย” ที่ได้ 141 เสียงนั่นเป็นปรากฏการณ์หนึ่งเท่านั้นแต่ยังมีอีกหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่น่าสนใจยิ่ง คือ “บ้านใหญ่” ในเกือบทุกจังหวัดพ่ายแพ้ไปด้วยอันหมายถึง “กระสุน” แพ้ “กระแส” ที่ “ก้าวไกล” กวาด สส.มาได้หลายจังหวัด เรียกว่าเขตอิทธิพลเดิมๆถูกกวาดตกเก้าอี้ไม่ต้องใช้เงินแต่ใช้นโยบาย+อุดมการณ์ขายความเป็นคนรุ่นใหม่ จนพูดกันว่าเป็นมิติใหม่ทางการเมืองของไทยอีกวาระหนึ่ง“เพื่อไทย” นั้นชัดเจนแม้แต่จังหวัดที่มีอิทธิพลสูงอย่างเชียงใหม่ ที่ว่ากันว่าเป็นเมืองหลวงก็ยังถูกทะลวงไปหลายเขตที่สำคัญ “อีสาน” ฐานที่มั่นสำคัญก็ไม่ต่างกันเห็นมี “พลังประชารัฐ” พรรคเดียวเท่านั้นที่ได้ สส.เขตจากพลังบ้านใหญ่จนได้ สส.เข้ามาอันดับ 4 มีปาร์ตี้ลิสต์เพียงคนเดียวคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค“รวมไทยสร้างชาติ” แม้จะได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์มาก แต่ สส.ระดับบ้านใหญ่หงายหลังไม่เป็นท่า กระแส “บิ๊กตู่” ส่งได้เพียงแค่นี้อีก 4 ปีข้างหน้าไม่รู้ว่าแนวโน้มการเมืองจะเป็นอย่างไร?“เพื่อไทย” ที่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แกะกล่อง “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวเจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริง ที่กำลังปูทางไปสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 จึงต้องเตรียมตัวพร้อมทุกด้านเพราะมองเห็นคู่ต่อสู้ตัวจริงแล้ว“ก้าวไกล” ที่ยังไม่รู้ว่าใครจะนำพรรคต่อไป?“อุ๊งอิ๊ง” ในความเหนือที่เหนือกว่าย่อมรู้ดีว่าจะต้องทำงานหนัก ด้านหนึ่งในความที่เป็นคนรุ่นใหม่ จึงตั้งทีมบริหารด้วยคนวัยใกล้เคียงกัน คนเก่าแก่สูงวัยจึงต้องหลีกทางให้มา เหลี่ยมนี้ก็พอจะเทียบเคียง “ก้าวไกล” ได้การสร้างความนิยมในความเป็น “เพื่อไทย” ก็อยู่ที่ฝีมือของ “เศรษฐา” ผู้นำรัฐบาลที่จะต้องสร้างผลงานเพื่อสร้างแต้มต่อให้เหนือกว่าแต่ในปัจจัยทางการเมืองที่จะชนะเลือกตั้งได้จะต้องมีองค์ประกอบที่ครบเครื่องรอบด้าน และที่ลืมไม่ได้คือฐานเสียงเดิมแท้ของพรรค“บ้านใหญ่” ทำให้ไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย คือปัจจัยสำคัญที่สร้างความเป็นหนึ่งมาตลอดแม้ครั้งสุดท้ายจะพ่ายแพ้อันเนื่องมาจากความประมาท ประเมินคู่แข่งตํ่าและไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบพูดง่ายๆ อาศัย “กินของเก่า” จึงเสียท่าพ่ายแบบยับเยินจุดนี้ “อุ๊งอิ๊ง” ย่อมรู้ดี และเริ่มปฏิบัติการเชื่อมต่อคนรุ่นเก่า-ใหม่อย่างภาพที่ปรากฏคือการมุดรั้วเข้าบ้าน “บางบอน” ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพื่อเคลียร์เรื่องสำคัญและสร้างภาพให้เห็นว่ายังเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ทอดทิ้งหรือการตั้งลูกชาย “เสนาะ เทียนทอง” นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคพร้อมลูกหลานบรรดาผู้อาวุโสเข้ามาร่วมบริหารพรรคพูดง่ายๆว่าเป็นการตกทอดรุ่นสู่รุ่นนอกจากสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคแล้ว ยังเตรียมการสู้ศึกใหญ่ในอนาคตด้วยการเสริมใยเหล็ก “บ้านใหญ่” ให้แข็งแกร่งเพราะนี่คือความต่างที่ “ก้าวไกล” ไม่มี!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม