ความกังวลต่อ สถานการณ์โลก ที่จะส่งผลกระทบต่อ ด้านพลังงาน มีมากขึ้นเรื่อยๆต่อเนื่องจาก สงครามยูเครน-รัสเซียมาสู่ สงครามในอิสราเอล เกิดเป็นอุปทานน้ำมันตึงตัว ซึ่งมีปัจจัยหลายประการด้วยกัน ภายหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังผลิตลงมาที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีนี้ รัสเซีย ก็ลดการส่งออกน้ำมันดิบที่ระดับ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีเช่นกัน การปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าวสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดกำลังการผลิตและการส่งออกไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้เท่านั้นในขณะที่ ความต้องการใช้น้ำมันโลก ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปรับขึ้นไปที่ 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงปี 2567 นอกจากนี้ ตลาดยังอยู่ในภาวะขาดดุล จากกรณีที่ กลุ่ม OPEC ยังเดินหน้าในการปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกับที่มีการคาดการณ์ ตลาดน้ำมันมีอุปสงค์มากกว่าอุปทานน้ำมัน ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ที่ระดับ 0.6 และ 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน EIA ยังวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดเบรนท์ ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะขึ้นไปที่ระดับ 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล บวกกับ ความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังมีการเปิดเผยจากนักเศรษฐศาสตร์แห่งชาติของจีน ระบุเศรษฐกิจจีนยังมีความอ่อนไหวอย่างต่อเนื่องเช่นกันสาเหตุจาก อัตราเงินเฟ้อที่ติดลบทำให้เกิดสภาวะเงินฝืด การจัดซื้อภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 49.3 และ 49.7 ในเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แล้ว ตัวเลขการนำเข้าและส่งออกหดตัวเป็นครั้งแรก ที่น่ากังวลมากที่สุดก็คือ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน ภายหลังจากที่ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นลำดับสองของจีน ยื่นคำร้องขอความคุ้มครองการล้มละลายต่อศาลในสหรัฐฯ แม้แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของจีน ก็เริ่มส่งสัญญาณในการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้เช่นกันอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายของสหรัฐฯและยุโรป ที่มีแนวโน้มจะทรงตัว ภายหลังจากที่มีนโยบายของ ธนาคารกลาง จะคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้เงินเฟ้อกลับมาอยู่ในระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ รัฐบาลจีน เริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน การลดอัตราดอกเบี้ย ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าคลื่นลูกใหญ่ที่ส่งผลกระทบจาก สงครามในอิสราเอล กำลังลุกลามไปยังประเทศในตะวันออกกลาง หากสงครามรุนแรงไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในอิสราเอลได้ สถานการณ์จะกลับไปเลวร้ายอีกรอบตลาดน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ยังทรงตัว ตลาดเบรนท์บวกขึ้น 0.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไปอยู่ที่ 87.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เวสท์เท็กซัสอยู่ที่ 85.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดูไบอยู่ที่ 87.99 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปออกเทน 95 แตะที่ระดับ 97.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดีเซลสำเร็จรูปอยู่ที่ 116.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลค่าเงิน สปป.ลาวที่จีนไปลงทุนมากที่สุดอยู่ในอาการโคม่าเศรษฐกิจโลกไม่น่าไว้วางใจอีกต่อไป.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ "คาบลูกคาบดอก" เพิ่มเติม