เรารู้ๆกันคำโกหก คือคำพูดเรื่องไม่จริง คดีไอทีวี ตอนนี้ ฟังจากบางฝ่าย มีแต่เรื่องโกหก คนละเรื่องกับ“คำแผลง” (สมัยนี้เรียกคำแสลง) ซึ่งเคยมีมากมายในสมัยรัชกาลที่ 5ในหนังสือ “นิทานมิบ” (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2558) เอนก นาวิกมูล เขียนว่า คำแผลงมีในแทบทุกภาษา ใช้กันในคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วแพร่หลายไปยังคนหมู่มาก คำแผลงไม่ค่อยยั่งยืน เดี๋ยวเกิดเดี๋ยวดับในหนังสือที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชนิพนธ์ มีคำแผลงใช้ในราชสำนักหลายคำ บางคำมีชีวิตทนถาวรถึงปัจจุบันเช่นคำว่า เก๋ อันแผลงมาจากคำว่า Gay ในภาษาอังกฤษแปลว่า โก้ หรู แต่บางคำก็ตายไปแล้ว เช่นคำว่า โก๋ แปลว่า หลงโค้ง แปลว่า ท่าทางอย่างจีนๆ และคำว่า “กรุด” ที่แปลว่า ทำเทียมคำว่า “กรุด” มีที่มาจากชื่อ “อำแดงกรุด” ชาวบ้านบางปะอิน อยุธยาที่จริงแกชื่อกรุด แต่เขาใส่คำว่า อำแดงนำหน้า เพื่อให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง อำแดงเป็นคำโบราณใช้กับหญิงสามัญเรื่องเดิมมีว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสบางปะอิน อำแดงกรุด ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินที่ทุ่งนาของตนครั้นเมื่อเสด็จฯไป ทรงเห็นดอกบัวมีมาก แต่บางส่วนเหี่ยวแห้งร่วงโรยก็ทรงสงสัย ต่อหยิบขึ้นมา ทอดพระเนตร จึงเห็นเป็นดอกบัวที่ถูกถอนมาจากนาอื่นๆก็พอเป็นที่เข้าใจ อำแดงกรุดทำด้วยความตั้งใจดี ที่จะให้ทอดพระเนตรดอกบัวมากๆในพระราชหัตถเลขา เมื่อเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป พ.ศ.2440 ฉบับที่ 61 มีประโยคหนึ่ง“ฉันหมายจะทำจดหมายกรุด เป็นทีว่ามีมาแต่เมืองนอก...”แสดงว่า คำแผลงกรุด ใช้กันแพร่หลาย เป็นที่เข้าใจกันว่า “ทำเทียม” หรือ “ตบแต่งขึ้น ไม่ใช่ของจริง” แล้วก็เลิกใช้กันไป ไม่ยืนยงคงอยู่เหมือนสำนวน “ผักชีโรยหน้า” ที่ใช้กันมาก่อนสมัยสุนทรภู่กาญจนาคพันธุ์ อธิบายความหมายผักชีโรยหน้าว่า“ ทำอะไรแต่เพียงเล็กน้อย เป็นการฉาบหน้า เพื่อจะลวงให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเรียงร้อยบริบูรณ์ หรือทำเพียงผิวเผินฉาบหน้าชั่วคราวให้เห็นว่าดี”สำนวนนี้มักใช้กันในทางไม่ดีในนิราศภูเขาทอง สุนทรภู่ เริ่มแต่เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย ผ่านพระราชวัง ผ่านหย่อมย่านบ้านเมืองใด ท่านก็พรรณนาในท่วงทำนองโหยหาสุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทอง ตอนบวชเป็นพระ คำกลอนท้าย ใกล้จบนิราศ ท่านจึงออกตัวว่าใช่จะมีที่รักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย ซึ่งครวญคร่ำทำทีพิรี้พิไร ตามนิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมาเหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจวรรค...อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ไม่เพียงยืนยัน สำนวน ผักชีโรยหน้า ใช้กันก่อนคำแผลงอำแดงกรุด เท่านั้น ยังใช้ในความหมายด้านดีเรื่องของภาษา...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลง และดับได้ เช่นทุกสรรพสิ่งในโลก กระทั่งคำโกหก ก็เถอะ...พระอาจารย์พรหม ท่านเคยสอนศิษย์ (ถ้า) โกหก (แล้วเป็นคุณ) อนุญาตให้โกหกได้ครั้งเดียว ในสี่สิบปีการเมืองไทยสมัยหนึ่ง ทหารใหญ่ยึดอำนาจ...เคยโกหกเพื่อชาติ... แล้วเป็นนายกฯ ผลเจอชุมนุมประท้วงใหญ่ เสียเลือดเสียเนื้อไปไม่ใช่น้อยๆการเมืองสมัยนี้ ก็ทำท่าจะมีงานโกหกเพื่อชาติกันอีกแล้ว หญ้าแพรกทั้งหลายคงต้องลุ้นกันใจคว่ำใจหายกันอีกแล้ว.กิเลน ประลองเชิง