ส่องนโยบายหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง จัดอยู่ใน ประเภทประชานิยม เป็นส่วนใหญ่ กับสภาพของสังคมไทยในปัจจุบันหลังจากผ่าน วิกฤติโควิด-19 และวิกฤติพลังงาน ผลพวงจาก สงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้เกิด เงินเฟ้อครั้งรุนแรง ไปทั่วโลก นำไปสู่ ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาปากท้อง และ ปัญหาภาระหนี้สินครัวเรือน ที่ประชาชนหาทางออกในการดิ้นรนดำรงชีวิต การลดภาระค่าใช้จ่ายผ่าน นโยบายสวัสดิการของรัฐ เป็นการบรรเทาปัญหาในเบื้องต้นแต่ปัญหาใหญ่คือภาระหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ที่หายใจรดต้นคอของชาวบ้านอยู่ในเวลานี้นโยบายประชานิยม จึงเป็นนโยบายสามัญประจำบ้านของทุกพรรค ที่พิเศษก็คือ การแจกเงินเข้ากระเป๋าชาวบ้านโดยตรง ของพรรคเพื่อไทย เติมเงินเข้ากระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 54 ล้านคนเป็นจำนวนเงินกว่า 5 แสนล้านบาทที่จะต้องใช้ภายในเวลาจำกัด 6 เดือน ที่เพื่อไทยแจงว่า เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้ยาแรงและไม่ได้เป็นตัวเงินจริงๆ แต่เป็นมูลค่าที่จะนำไปแลกซื้อสินค้าและการใช้จ่ายที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด รัฐบาลจะตามไปจ่ายเงินให้กับร้านค้าอีกที เท่าที่จ่ายไปตามจริง ซึ่งอาจไม่ถึง 5 แสนล้านก็ได้ และเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินที่นำมาจากระบบภาษีจากการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเที่ยวนี้ส่วนหนึ่งและงบประมาณที่เหลือจากโครงการต่างๆเป็นการใช้เงินต่อเงินในขณะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวของเพื่อไทยอย่างกว้างขวางส่วนใหญ่มองไปถึง การนำนโยบายไปปฏิบัติ และ ผลกระทบทางการเงินการคลังของประเทศ บน หลักการ ของ ความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิทัล หรือนโยบายอื่นของเพื่อไทย สร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่าที่เป็นประเด็นอีกเรื่องคือ การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เข้ากับบรรยากาศในช่วงนี้พอดี เพื่อไทย ก้าวไกล เสนอยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่วิธีการเงื่อนไขต่างกัน พลังประชารัฐ ยังเน้นที่การลดภาระค่าครองชีพของประชาชน อาทิ นโยบายแก๊สประชาชน ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 18 บาท ลดก๊าซหุงตุ้มถังละ 173 บาท ขับเคลื่อนซอฟต์เพาเวอร์ อาหาร วัฒนธรรม ภาพยนตร์ มวยไทยรวมไทยสร้างชาติ ยังยึดนโยบายของรัฐบาลเดิม คนละครึ่ง บัตรประชารัฐพลัส 1 พันบาทต่อเดือน เงินกู้ฉุกเฉิน 1 หมื่นบาทต่อคน ที่ออกแนวประชานิยมของ ก้าวไกล ก็มี อาทิ หวยใบเสร็จ ใช้แอปเป๋าตังซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอี สะสมครบ 500 บาท ไปแลกสลากกินแบ่งได้ 1 ใบ ชาติพัฒนากล้า ดึงแหล่งเงินใต้ดินมาใช้บนดิน ออกมาตรการภาษีเสริมสร้างกลุ่มนักลงทุนตลาดทุนในประเทศ ตั้งเป้าหาเงินเข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทประชาธิปัตย์ ที่เป็นไฮไลต์ เติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจทันที 1 ล้านล้านบาท นโยบายธนาคารหมู่บ้าน ชุมชนละ 2 ล้านล้าน กองทุน กบข.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม เอสเอ็มอี ไทยสร้างไทย เสนอนโยบาย หวยบำเหน็จ การร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศจีน อินเดีย การช่วยเหลือมารดาระหว่างตั้งครรภ์ 2,000 บาทต่อเดือน ไม่น้อยหน้ากัน ขึ้นอยู่กับว่าชาวบ้านจะเชื่อมั่นนโยบายพรรคไหนมากกว่ากัน เที่ยวนี้กระแสเบียดกระสุนชัวร์.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th