“อนุทิน” กำราบ “ศุภชัย” ปากโป้ง สับ “บิ๊กตู่” บนเวทีปราศรัย ควง “ศักดิ์สยาม” กราบขอโทษ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก “ประยุทธ์” รีบสั่ง รทสช.อย่าพูดโจมตีใคร ชัดเจน “สุริยะ-สมศักดิ์” ปักหลัก พปชร. รทสช.ปรับกลยุทธ์ชู “นายกฯเลือดอีสาน” “วิทยา” คุยโวแลนด์สไลด์ไม่แพ้ พท. “บ้านใหญ่คุณปลื้ม” จ่อเปิดตัวเข้าเพื่อไทย “เจ๊หน่อย” ย้ำ ทสท.สู้เพื่อประชาชน ฝ่ายค้านตามล้าง “ศักดิ์สยาม” ฟันผิด รธน.144 ภท.ตั้งแง่ขู่ล่มซักฟอก ม.152 “วิษณุ” ชี้ขัดจริยธรรม กกต.วุ่นวายไม่จบระบบรายงานผล ประชุมรัฐสภาถก ก.ม.คุมสื่อล่ม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ยื่นถอนหมายขัง “ตะวัน-แบม” ชี้มีอันตรายถึงชีวิต ศาลพิเคราะห์ปล่อยตัวชั่วคราว “ตะวัน” 1 เดือน ส่วน “แบม” ปล่อยชั่วคราวไม่มีประกัน “จารุพงศ์” โดนอีก ศาลออกหมายจับคดีบินฟรีการห้ำหั่นกันในศึกเลือกตั้งเริ่มทวีความร้อนแรงขึ้น นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ขึ้นปราศรัยบนเวทีบ่อนไก่ โจมตีการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้องรีบกล่าวขอโทษนายกฯ ยืนยันจะไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก “อนุทิน” กำราบ “ศุภชัย” ปากโป้งเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุม ครม. ถึงกรณีนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ปราศรัยที่เวทีบ่อนไก่ โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ว่าขายความสงบจบที่ลุงตู่ไม่ได้แล้ว ว่า การหาเสียงบางทีอาจพูดแบบลมพาไป จะไปเตือนนายศุภชัย กำชับลูกพรรคแล้วว่าการหาเสียงต้องไม่มีการโจมตีพรรคอื่น ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น เหตุการณ์เมื่อวานนี้ต้องขอโทษ จะไม่มีอีกแล้ว เมื่อถามว่าต้องทำความเข้าใจกับนายกฯหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “ก็ขอโทษแทนสมาชิกแล้วไง วันนี้หากเจอนายกฯในที่ประชุม ครม. จะเข้าไปขอโทษด้วยตัวเอง การขึ้นเวทีปราศรัยบางครั้งมันก็มีเพลงพาไป ยืนยันไม่ใช่เจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย”ควง “โอ๋” กราบขอโทษนายกฯต่อมาเวลา 09.00 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เพื่อนำเสนอกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้วันส่งเสริมอินเตอร์เน็ตปลอดภัยแห่งชาติ (Thailand Safer Internet Day) ต่อมานายสำรวย เกษกุล ผวจ.ศรีสะเกษ นำคณะเข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม “สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม ปี 2566 จ.ศรีสะเกษ” มี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯเข้าร่วม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอให้หอมกันเยอะๆ เลือกหอมให้ดี อย่าหอมผิดคน ไม่เช่นนั้นจะโดนนะ” และกล่าวกับตัวแทนเกษตรกรว่า “รู้ใช่ไหมนายกฯชอบหวาน เป็นคนไม่ค่อยหวาน ต้องเติมน้ำตาล” ทั้งนี้ ระหว่างพักเบรกประชุม ครม. ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังพูดคุยอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ห้องรับรองสีเหลืองอยู่นั้น นายอนุทินและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เข้ามาขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกนายศุภชัยพูดพาดพิง“ตู่” สั่ง รทสช.อย่าพูดโจมตีใครภายหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายอนุทินและนายศักดิ์สยามเข้ามาขอโทษว่า ไม่มีอะไร นายอนุทินมาชี้แจงให้ฟังเท่านั้นเอง เมื่อถามว่าต้องทำความเข้าใจกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า หัวหน้าแต่ละพรรคมีความคิดของเขาอยู่แล้ว ได้บอกไปแล้วว่าต่างคนต่างหาเสียงกันไป แต่ต้องระมัดระวังในภาพรวม และพรรคที่ตนไปเป็นสมาชิกก็สั่งไปแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับใครเขา ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม.วันนี้ ได้ทบทวนให้ ครม.ทราบที่เราทำงานกันมา 7 ปีกว่า มีประชุม ครม. 400 กว่าครั้งแล้ว มีหลายอย่างเราได้แก้ไขปรับปรุง มีนโยบายออกมาหลายเรื่อง คือผลงานร่วมของรัฐบาลที่ทุกกระทรวงร่วมมือกัน เราทำหลายอย่าง นอกจากนี้ยังแสดงความห่วงใยเรื่องงบประมาณในสวัสดิการต่างๆ ที่พูดว่าจะให้นี่ให้นั่นเพิ่มขึ้น กลายเป็นภาระงบประมาณ บอกที่ประชุม ครม. ขอให้ระมัดระวังด้วย บางพรรคเสนอมา 8 แสนล้านบาท พรรคเดียว ไม่รู้เขาหาเงินจากตรงไหนมาหงุดหงิดถูกซักทำการเมืองยาวเมื่อถามถึงการสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ตอบทันทีว่า “เดี๋ยวผมตัดสินใจของผมเอง ยังไม่รู้ ขอให้ถึงเวลาก่อน ถ้าเป็นเรื่องในใจ ขอให้เป็นเรื่องในใจของผม ขอยังไม่ตอบ” เมื่อถามย้ำว่าการเป็น ส.ส.สามารถอยู่ได้ถึง 4 ปี แต่ถ้าเป็นนายกฯอยู่ได้อีกแค่ 2 ปี แสดงว่าวันนี้จะทำการเมืองยาวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “มันทำได้หรือไม่เล่า กฎหมายมันทำได้หรือไม่ มันเป็นได้กี่ปีก็เท่านั้น ไม่ใช่จะแสดงถึงนั่นถึงนี่ สื่อคิดไปเรื่อย ขี้เกียจตอบ คำถามไร้ประโยชน์” เมื่อถามว่าในที่ประชุม ครม. มีการกำชับเรื่ององค์ประชุมสภาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า กำชับทุกครั้งให้เข้าร่วมประชุม แต่ไปจับเขาผูกขาก็ไม่ได้มท.1 แจงนับหัวต่างด้าวแบ่งเขตนอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องการคำนวณประชากรต่อเขตเลือกตั้ง กรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการนับจำนวนแรงงานต่างด้าวเข้ามาด้วยว่า การนับจำนวนประชากรนอกจากนับแรงงานต่างด้าวแล้วยังนำจำนวนประชากรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งมาคำนวณด้วย เพื่อเอามาใช้ในการแบ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงแรงงานต่างด้าวมีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ จำนวนคนต่างด้าวทั่วประเทศมีประมาณ 1 ล้านกว่าคน ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร “สุริยะ–สมศักดิ์” ปักหลัก พปชร.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค พปชร. แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรจะย้ายพรรคไปเพื่อไทยว่า ขอยืนยันว่ายังอยู่กับพรรค พปชร. ยืนยันกับ พล.อ.ประวิตรไปแล้ว เช่นเดียวกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรรมการบริหาร พปชร. ที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ไม่ใช่ว่าจะย้ายพรรค เมื่อถามย้ำว่าเลือกตั้งครั้งหน้ายังอยู่กับ พปชร.แน่นอนใช่หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า “ถูกต้อง ยืนยันไม่เปลี่ยนใจ ชัดเจนแล้วนะ” ไม่ทราบว่ากระแสข่าวย้ายพรรคมาจากไหน ยืนยันว่าตนกับนายสมศักดิ์บอกแล้วว่าไปไหนจะไปด้วยกัน ส่วนนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ไปอยู่กับพรรค รทสช.ปรับกลยุทธ์ชู “นายกฯอีสาน”นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค รทสช. ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน กล่าวว่า พูดกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช.แล้วว่า การหาผู้สมัครในภาคอีสานเราดูจากความตั้งใจ ไม่ใช่พวกคุยหลายพรรค รับปากแล้วยังไปพรรคอื่นอีก เคาะราคาไปเรื่อยไม่เอา เชื่อว่าคะแนนในภาคอีสานจะเป็นแลนด์สไลด์ของจริงไม่เป็นสองรองพรรคเพื่อไทย เพราะพี่น้องชาวอีสานอยากได้นายกฯเป็นคนอีสานจริง คือ พล.อ.ประยุทธ์ที่เกิดโคราชจริง แม่อยู่ จ.ชัยภูมิ พรรคจะใช้เป็นโมเดลรณรงค์หาเสียง เพราะคนผูกพันกับ พล.อ.ประยุทธ์มากขึ้น ชาวบ้านต่างพูดว่าไม่เคยได้รับอะไรโดยตรงมากเหมือนรัฐบาลชุดนี้คุยโวแลนด์สไลด์ไม่แพ้ พท.“ชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนักการเมืองซื่อสัตย์สุจริต อยู่มา 8 ปี ไม่มีใครด่าว่าทุจริต พรรคจะชูจุดขายเรื่องนี้ ชาวบ้านต่างรับรู้ว่าสิ่งที่ได้จากรัฐบาลชุดนี้คือ “บัตรลุงตู่-บัตรประยุทธ์” เป็นเรื่องจริงที่คนอีสานได้รับสิ่งต่างๆจากรัฐบาลมากที่สุด มากกว่าในยุคทักษิณ ชินวัตร คนอีสานไม่เคยได้งบพัฒนามากเท่ายุคนี้ คนอีสานรู้สึกว่าเขาได้ในสิ่งที่จับต้องได้ ที่พูดถึงมากที่สุดคือ บัตรประยุทธ์ หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปรียบเสมือนบัตรวิถีของคนจน คนฐานรากได้ประโยชน์จริง กำลังหารือกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เราต้องไปทุกภาค ไป จ.ชุมพร มาแล้ว ภาคอีสานจะเปิดประตูที่ จ.นครราชสีมา ส่วนภาคอื่นจะพิจารณาต่อไปบ้านใหญ่ชลบุรีเปิดตัวเพื่อไทยผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 8 ก.พ. เวลา 10.00 น. พรรคเพื่อไทยจะแถลงเปิดตัวนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา ร่วมงานอย่างเป็นทางการกับพรรค พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เกือบทั้งหมด อาทิ น.ส.สุภีพันธุ์ หอมหวล ส.อบจ.เขตอำเภอเมือง นายฉัตรชัย อั้งลิ้ม อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านสวน อ.เมืองชลบุรี นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์ ส.อบจ.ชลุบุรี นางสุกุมล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภรรยานายสนธยา นายสัมฤทธิ์ พงษ์วิรัตน์ อดีตเลขานุการ รมว.วัฒนธรรม เลขาธิการสมาคมกีฬา จ.ชลบุรี นายแมน อินทร์พิทักษ์ ส.อบจ.ชลบุรี นายชวลิต แสงอุทัย อดีต ผวจ.กำแพงเพชร และนายพนธกร ใคร่ครวญ รองนายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ ส่วนนายสนธยาคาดว่าจะลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ “หนู” ยัน ภท.ไม่คิดร้าย “ทักษิณ”ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทีวีออนไลน์ถึงความสัมพันธ์กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า คนในพรรคมากกว่า 80% มีจุดเริ่มต้น จนมาเป็นตัวเป็นตนทางการเมืองได้ เพราะเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยมาทุกคน เมื่อประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมา ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยนายทักษิณเป็นนายกฯ พวกตนเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลหลายคน ท่านมีพระคุณกับเรา ทำให้เรามีพื้นฐานในการบริหารราชการแผ่นดิน เติบโตทางการเมืองมาจนถึงวันนี้ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งบทบาทของแต่ละคนหมดไป ทุกคนต้องมีทางเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป ความเมตตาที่ท่านเคยให้กับพวกเราไว้เป็นสิ่งดีที่เราควรต้องจดจำไว้ ไม่มีใครในพรรค ภท.คิดร้ายกับอดีตนายกฯทักษิณ ทุกอย่างมันเป็นบทบาทในทางการเมือง“อุ๊งอิ๊ง” นำทีมเพื่อไทยลุยปทุมฯเวลา 17.30 น. ที่ตลาดหน้าวัดธรรมะ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี ทั้ง 7 เขต ลงพื้นที่พบปะประชาชน มีแฟนคลับถือป้ายข้อความ “ยินดีต้อนรับหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” มีการมอบดอกกุหลาบแดงต้อนรับ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและคนมาจับจ่ายซื้อของตะโกนให้กำลงใจ “สู้ๆ” “ขอให้ได้เป็นนายกฯ” โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี และ ร.ต.อ.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต มามอบพวงมาลัยดาวเรือง และกุหลาบแดงให้กำลังใจด้วย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า แม้ว่าผู้สมัครเดิมของพรรค พท.ย้ายไปพรรค ภท. ไม่เป็นไรลุยเหมือนเดิม พรรคจะเลือกคนคุณภาพให้กับประชาชนเสมอ นโยบายเราเข้มแข็งเหมือนเดิม ควบคู่กับผู้สมัครที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อจะได้ชนะใจประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจเมิน“อนุทิน” ส่งสัญญาณจับมือเมื่อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า 80% ใน ภท.มาจากพรรคไทยรักไทย และไม่เคยคิดร้ายกับทักษิณ ถือเป็นการส่งสัญญาณจับมือตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทยในอนาคตหรือไม่ น.ส.แพทองธารยิ้มก่อนตอบว่า “ไม่ทราบเหมือนกันอยากจะส่งสัญญาณว่าอะไร แล้วแต่ท่าน แต่ระยะที่ผ่านมาต้องดูกันไป ตอนนี้ยังเร็วเกินไป เรายังทำเพื่อแลนด์สไลด์เหมือนเดิม ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องพรรคร่วมอะไรทั้งสิ้น วันนี้ตั้งใจเดินหน้าหาเสียง”ส่ง “วราวุธ” แคนดิเดตนายกฯช่วงบ่ายที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ส.ส. และสมาชิกพรรค เพื่อพิจารณาตัวแคนดิเดตนายกฯ ต่อมานายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคฯ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรค ชทพ. เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพียงคนเดียว เชื่อว่าเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคจะได้ ส.ส.มากกว่า 25 คน ด้านนายวราวุธกล่าวขอบคุณสมาชิกพรรคที่เลือก และวันที่ 9 ก.พ. พรรคเตรียมแถลงข่าวเปิดตัว นายสันติ กีระนันทน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. เข้าเป็นสมาชิกพรรค โดยเข้ามาเป็นกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค“เอนก” ยุติบทบาทการเมืองขณะที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สมาชิกพรรครวมพลัง กล่าวว่า ขอยุติบทบาททางการเมือง แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และจะทำหน้าที่รัฐมนตรีไปจนหมดวาระ การเล่นการเมืองตรงๆคงพอแล้ว รู้สึกพอใจแล้วที่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง แต่ถ้ามีโอกาสช่วยบ้านเมืองไม่ว่าตำแหน่งใด จะพิจารณาอีกที นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ได้ขัดขวางอะไร เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายเอนกตอบว่า คุยนิดหน่อย ท่านก็อยากให้มาช่วยประเทศชาติและบ้านเมือง “เจ๊หน่อย” ย้ำสู้เพื่อประชาชนที่ อ.เมืองอุดรธานี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมผู้บริหารพรรค อาทิ นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ รองหัวหน้าพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผอ.สำนักปราบโกง จัดประชุมใหญ่ผู้สมัครภาคอีสาน คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวกับว่าที่ผู้สมัครทุกคนว่า ต้องยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่งที่มาอ้างประชาธิปไตย เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตัวเอง เราขอประกาศไม่สนับสนุนเผด็จการทุกรูปแบบ ขอให้นักสู้ประชา ธิปไตยของพรรคไทยสร้างไทยทุกคน ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคให้มั่นคง เราต้องมีหัวใจให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงวาทกรรมที่นักการเมืองมักอ้างว่าทำเพื่อประชาชนปักเสาเอก ทสท.หนองบัวลำภูจากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ นำคณะเดินทางต่อไปยัง จ.หนองบัวลำภู พบปะพี่น้องประชาชน พร้อมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู ประกอบด้วย นายสุรชัย ทวีคูณ นายรุ่งเพชร ศรีกาญจนา และนายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1-3 ของพรรค ท่ามกลางชาวหนองบัวลำภูและพื้นที่ใกล้เคียงเกือบ 2 หมื่นคนมาร่วมรับฟังการปราศรัย และร่วมพิธีบวงสรวงตั้งเสาเอกพรรคไทยสร้างไทย หนองบัวลำภู ลงหลักปักฐานการเป็นสถาบันการเมืองของประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ในฐานะลูกอีสาน ขอทำให้ชาวอีสานหายจนภายใน 3 ปี จากนโยบายอีสานมั่งคั่ง หายแล้ง หายจน เงินตุงเต็มกระเป๋า ด้วย 5 ยุทธศาสตร์ คือ “คืนโฉนดกลับบ้าน” ด้วยการแก้หนี้เติมทุน พักชำระหนี้ 3 ปีจ่ายดอกเบี้ยให้ 2 ปี เติมน้ำเพื่อให้อีสานหายแล้งหายจน เติมเงินในกระเป๋า ทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นทุกตัว ข้าวหอมมะลิไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท สร้างความสุขด้วยการเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ไม่เป็นหนี้ กยศ. สร้างศักดิ์ศรีให้คนไทย ด้วยนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท“นิพนธ์” ติวเข้มทีมผู้สมัครเหนือที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในงานสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือว่า ยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ของพรรคที่นำเสนอต่อพี่น้องประชาชน จะนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ประชาชนมีรายได้ที่มั่นคงตามอาชีพ เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดี เรียกได้ว่าดูแลคนไทยตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน คือดูแลเด็ก เยาวชน และคนชรา หลังจากนี้พรรคเตรียมเปิดรายละเอียดยุทธศาสตร์สร้างคนต่อ เราถือเป็นต้นตำรับของการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย เพราะทำมาตั้งแต่อดีต ที่สำคัญทุกนโยบายที่ประกาศทำได้ไว ทำได้จริงฝ่ายค้านผันข้อหา “ศักดิ์สยาม”เมื่อเวลา 14.10 น. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมกันแถลงถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นคำร้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม อีกครั้ง หลังจากนายชวน ไม่ส่งคำร้องเอาผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 กรณีแทรกแซงการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากไม่อยู่ในอำนาจประธานสภาฯ แต่คำร้องใหม่จะอาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ให้สมาชิกเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ส่งผ่านประธานสภาฯยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 กรณีห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หลักฐานที่ยื่นมีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย 14 เรื่องถึงการถือหุ้นของนายศักดิ์สยาม ส่วนการยื่นวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 นั้น ฝ่ายค้านยังดำเนินการอยู่ แต่จะรอฟังการยื่นเอาผิดครั้งนี้ก่อนภท.ตั้งแง่ขู่ล่มซักฟอก ม.152นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า พรรคยืนยันจะเข้าเป็นองค์ประชุมอภิปรายตามมาตรา 152 ในวันที่ 15-16 ก.พ.แต่หากพบว่าการอภิปรายไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ไปอภิปรายเหมือนมาตรา 151 หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ นำเรื่องเดิมมาอภิปรายซ้ำ พรรคจะแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย จะประท้วง และขอให้นับองค์ประชุม โดยไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม วันนี้สภาจะครบวาระ 4 ปี สภาล่มไปแล้วประมาณ 30 ครั้ง ประชุมร่วมรัฐสภาล่มไป 2 ครั้ง พรรค ภท.ร่วมเป็นองค์ประชุมตลอดมา การบิดเบือนว่าเราทำให้องค์ประชุมล่มจากการไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมเพียงแค่ครั้งเดียวเพราะวิปรัฐบาลทำงานไม่เข้มแข็ง ไม่ควบคุมให้ ส.ส.พรรคต่างๆอยู่เป็นองค์ประชุมให้ครบ พรรค ภท.ถึงได้แสดงจุดยืนไม่เป็นองค์ประชุมในสัปดาห์ที่ผ่านมา“อนุทิน” ยัน รมต.ภท.แจงบ่ยั่นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงท่าทีของพรรค ภท.ต่อการอภิปรายตามมาตรา 152 ที่มีกระแสข่าวว่าพรรคฝ่ายค้านมองว่าพรรค ภท.กลัวถูกถล่มว่า หลบไปแล้ว ยิ่งหลบไปก็ยิ่งไปอภิปรายนอกสภา ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ยืนยันเราจะไม่ทำอย่างนั้น เขาอยากพูดอะไรเขาก็พูด เราอยากพูดอะไรเราก็พูด มันก็เป็นประโยชน์กับประชาชน หากมีเนื้อหาสาระเวลา 8 ชั่วโมงก็พอ หากมีเรื่องทะเลาะกันไปมา เราก็อย่าไปหลงเกมของฝ่ายค้าน พรรค ภท.สบายอยู่แล้ว เราไม่ได้ชี้แจงให้ฝ่ายค้านฟัง เราชี้แจงประชาชน ฝ่ายค้านไปพูดที่ไหนก็ได้ ฉันใดก็ฉันนั้นเราก็ไปพูดที่ไหนก็ได้เหมือนกัน แต่ดีที่สุดคือพูดในสภาดีกว่า ส่วนเรื่องคะแนนนิยมเราทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดีไม่มีอะไรกังวล รัฐมนตรีพรรค ภท.ชี้แจงตามข้อเท็จจริง คนทำงานเวลาตอบเรื่องข้อเท็จจริง มันไม่ต้องไปนั่งเถียงหรือพาโวยกับใคร พรรคฝ่ายค้านพูดเรื่องไม่จริงก็ไม่ต้องตอบ “วิษณุ” ชี้ล้มอภิปรายขัดจริยธรรมนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการทำความเข้าใจกับ ครม.เกี่ยวกับการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ซักซ้อมกันนิดหน่อย เรื่องการแบ่งเวลาจะตอบเมื่อไหร่อย่างไร เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรค ภท.ยืนยันกับนายกฯหรือไม่ว่าจะสั่งการให้ ส.ส.พรรค ภท.อยู่เป็นองค์ประชุมในการอภิปรายมาตรา 152 นายวิษณุตอบว่า ไม่เห็นพูดอะไร ไม่ทราบจะไปยืนยันกันส่วนตัวหรือไม่ ต้องไปถามนายอนุทิน ใน ครม.นายกฯไม่เห็นพูดอะไร เมื่อถามอีกว่า หากส.ส.เจตนาทำให้องค์ประชุมการอภิปราย ตามมาตรา 152 ล่มขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า การทำองค์ประชุมล่มไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะการที่องค์ประชุมไม่ครบเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ถ้าเป็นเรื่องจงใจอาจผิดเรื่องจริยธรรมกกต.วุ่นวายระบบรายงานผลผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า กรณี กกต.ไม่เห็นชอบให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดทำโปรแกรมรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ และการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบออนไลน์ ตามที่สำนักงาน กกต.เสนอแผนงาน ล่าสุดสำนักงาน กกต. ต้องการให้จัดทำแอปพลิเคชัน เป็นระบบรายงานผลการเลือกตั้งแบบไม่เป็นทางการ โดยให้เอกชนเข้ามาช่วยดำเนินการ แต่อาจติดขัดด้านงบประมาณจัดจ้าง แต่ที่ประชุม กกต. เมื่อวันที่ 31 ม.ค. กลับมีมติให้สำนักงาน กกต. ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นศูนย์กลางรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้สำนักงาน กกต. รู้สึกกังวลว่าระบบอาจไม่สมบูรณ์ เพราะก่อนหน้านี้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) องค์การมหาชน เสนอว่าควรทำแอปพลิเคชันใหม่ แต่เวลาเหลือน้อยเต็มทีประชุมรัฐสภาอืดกดออด 2 ชม.ที่รัฐสภาเวลา 09.00 น. มีการประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษ มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและวิชาชีพสื่อมวลชน ตามที่ ครม.เป็นผู้เสนอ แต่กว่าจะเปิดประชุมได้ต้องเสียเวลารอสมาชิกมาเซ็นชื่อเข้าประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง จน ส.ส.หลายคนพากันตำหนิสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ให้ความร่วมมือ กระทั่งเวลา 10.50 น. มีสมาชิกมาลงชื่อครบ 334 คน จาก 667 คนถล่ม “ชวน” ดัน ก.ม.สื่อปาดหน้าหลังเริ่มประชุมสักพัก ส.ส.ฝ่ายค้านและ ส.ว. พากันรุมท้วงติงไม่เห็นด้วย ที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ใช้อำนาจจัดประชุมนัดพิเศษ เลื่อนร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและวิชาชีพสื่อมวลชน มาพิจารณาแทนที่ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ค้างอยู่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชุมนัดพิเศษต้องใช้กรณีสำคัญจริงๆ เช่น ภาวะสงคราม โรคระบาด ห่วงว่าจะทำให้เกิดธรรมเนียมปฏิบัติ ใช้กลวิธี ถ้าต้องการผลักดันกฎหมายฉบับใดก็ใช้อำนาจประธานจัดประชุมนัดพิเศษ นำกฎหมายที่ต้องการมาพิจารณาก่อน ขณะที่นายตวง อันทะไชย ส.ว.กล่าวว่า การเลื่อนกฎหมายฉบับใดมาพิจารณาก่อนต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม ขอเสนอญัตติให้นำร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติมาพิจารณาก่อน ส่วนนายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ดุลพินิจของประธานรัฐสภา ควรหารือร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย “ชวน” ปฏิเสธไร้ลับลมคมในต่อมานายชวนชี้แจงว่า การจัดระเบียบวาระประชุมนัดพิเศษไม่ได้คิดตามอำเภอใจ แต่การบริหารเวลาในช่วงที่มีอยู่อย่างจำกัด ต้องใช้สมองและความคิด เพื่อให้งานเกิดประโยชน์สูงสุด การจัดระเบียบ วาระแบบปกติ จะทำให้ร่าง พ.ร.บ.จริยธรรมสื่อฯ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้รับการพิจารณา เพราะร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ต้องพิจารณาไปอีกนาน ควรทำงานให้ออกมาภายในเวลาจำกัด ภายใต้อำนาจที่ประธานทำได้ ให้มีผลงานออกมา ถ้าประชุมวาระปกติ ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านจะไม่ได้รับการพิจารณาแน่นอน ยืนยันว่า ไม่มีลับลมคมในให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน หลังนายชวนชี้แจงไม่มีใครติดใจ และประชุมต่อไปองค์ประชุมล่มโหวต ก.ม.คุมสื่อสำหรับเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.จริยธรรมสื่อฯ ที่มีสาระสำคัญคือ การให้มีสภาผู้ประกอบการ และนักวิชาชีพด้านสื่อสารมวลชนระดับชาติ ทำหน้าที่กำกับดูแลกันเองของผู้ประกอบการและผู้ประกอบวิชาชีพ ทั้งยังรับรองให้ผู้ประกอบวิชาชีพมีเสรีภาพเสนอข่าว แต่ต้องไม่ขัดหน้าที่ปวงชนชาวไทย หรือศีลธรรมอันดี ฯลฯ โดย ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่อภิปรายไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เห็นว่าวางกฎเกณฑ์ควบคุมการทำหน้าที่สื่อ จำกัดสิทธิเสรีภาพการทำหน้าที่ และไม่ผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นประชาชนอย่างถี่ถ้วน กระทั่งเวลา 17.25 น. หลังมีการตรวจสอบองค์ประชุม ปรากฏว่ามีผู้แสดงตนเพียง 182 คน ไม่ครบองค์ประชุม นายชวนจึงสั่งปิดประชุมถือเป็นการประชุมร่วมรัฐสภาล่มครั้งที่ 4 ในปี 2566ผอ.รพ.ยื่นถอนหมายขัง “ตะวัน”ที่ศาลอาญา รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน จำเลยในฐานความผิดมาตรา 112 ในคดีหมายเลขดำ อ.1237/2565 ของศาลอาญา โดย ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อ้างสถานะในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐในสถานพยาบาลที่ได้รับมอบตัวผู้ถูกควบคุม ซึ่งถูกควบคุมภายใต้อำนาจศาลไว้ดูแล และได้รับมอบหมายจากกรมราชทัณฑ์ ขอปล่อยชั่วคราวจำเลย ได้รายงานถึงสุขภาพของจำเลย ที่อดข้าวและน้ำเพื่อเรียกร้องตามข้อเรียกร้อง ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 18 ม.ค. ระบุอาการล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 6 ก.พ. ว่าอาการโดยรวมของผู้ถูกควบคุมตัวมีภาวะคีโตนในเลือดสูงมากขึ้น และประสิทธิภาพการทำงาน การกรองของเสียในไตลดลงอย่างมาก อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ โรงพยาบาลเห็นว่าจำเลยอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะแก่การควบคุมตัวระหว่างพิจารณา และสุขภาพร่างกายอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างยิ่ง ขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนหมายขัง และให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดีโดยไม่มีเงื่อนไข ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในเรื่องการสันนิษฐานจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษา และหลักการการควบคุมผู้ต้องหาหรือจำเลยให้ทำได้เท่าที่จำเป็น เพื่อมิให้มีการหลบหนี ซึ่งจะทำให้การรักษาตัวและฟื้นฟูสภาพร่างกายของจำเลยทำได้สะดวก และลดเงื่อนไขที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตศาลสั่งปล่อยตัวชั่วคราว 1 เดือนศาลอาญาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจำเลยอยู่ในความดูแลรักษาของโรงพยาบาลที่ผู้ร้องเป็นผู้ควบคุมดูแลอยู่ เมื่อผู้ร้อง ซึ่งเป็นนายแพทย์รายงานมาว่า จำเลยอยู่ในภาวะวิกฤติอาจเสียชีวิตได้ ประกอบกับการเข้าเยี่ยมจำเลยจากบุคคลใกล้ชิด ขณะที่จำเลยยังอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ต้องเป็นไปตามระเบียบ ซึ่งอาจเป็นปัญหาในการเยียวยาจิตใจของจำเลยขณะอยู่ในภาวะวิกฤติ กรณีมีเหตุสมควรให้ออกหมายปล่อยจำเลยชั่วคราว มีกำหนดระยะเวลา 1 เดือนตาม ป.อาญามาตรา 71 วรรคสาม เมื่อครบเวลาปล่อยชั่วคราวแล้วให้จำเลยมารายงานตัวต่อศาล โดยให้ออกหมายปล่อยจำเลยวันนี้ และแจ้งผู้ร้องทราบด้วยสั่งปล่อย “แบม” แบบไร้เงื่อนไขเวลาไล่เลี่ยกัน ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิม พระเกียรติ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอปล่อยชั่วคราว น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม จำเลยที่ 7 ในคดีหมายเลขดำ อ.765/2565 ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อความปรากฏว่า จำเลยยืนยันปฏิเสธการรักษา และแจ้งความประสงค์ที่จะรับการรักษาจากโรงพยาบาลภายนอก โดยยังคงไม่รับประทานอาหาร อาการโดยรวมของจําเลยที่ 7 เลวร้ายลงมากจนอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากมีภาวะคีโตนในเลือดสูงมากขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานกรองของเสียของไตลดลงอย่างมาก จำเลยอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะแก่การควบคุมตัวระหว่างพิจารณาคดี และสุขภาพร่างกายอยู่ในภาวะวิกฤติ หากจำขังต่อไปอาจถึงอันตรายแก่ชีวิต เช่นนี้การกำหนดเงื่อนในการปล่อยชั่วคราวใดๆในช่วงเวลานี้ มิใช่สาระอันสำคัญและจำเป็นยิ่งไปกว่าการคุ้มครองดูแลชีวิตของจำเลยที่ 7 ทั้งเจ็บป่วยถึงขั้นเป็นอันตรายแก่ชีวิต โอกาสที่จะก่อภัยอันตรายหรือสร้างความเสียหาย หลังจากการปล่อยชั่วคราวจึงเป็นไปได้ยาก อีกทั้งจำเลยที่ 7 เคยได้รับการปล่อยชั่วคราวมาแล้ว ช่วงเวลาหนึ่งและไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี เห็นควรอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 7 ชั่วคราวโดยไม่มีประกัน“ตะวัน–แบม” สู้ต่ออดอาหารน้ำจากนั้นเวลาประมาณ 18.30 น. กลุ่มทะลุวังเผยแพร่เอกสารคำชี้แจง กรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม มีเนื้อหาโดยสรุปกล่าวถึงการที่ทนายความได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการที่ศาลออกหมายปล่อยตัวตะวัน และแบม รวมถึงการไม่อนุญาตให้ประกันตัวนักกิจกรรมทางการเมือง 8 คน รวมถึงนายสิทธิโชค เศรษฐเสวต ผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่อยู่ระหว่างอดอาหารและปฏิเสธการรับน้ำเกลือเช่นกัน โดยทนายความได้แจ้งให้ตะวันและแบมรับทราบ ทั้ง 2 มีท่าทีประหลาดใจพร้อมกล่าวว่า ไม่ได้ต้องการอิสรภาพให้ตัวเอง เพราะเป็นคนไปขอถอนประกันตัวเอง แต่เรียกร้องสิทธิประกันให้ผู้ต้องหาทางการเมืองทุกคน นอกจากนี้ ตะวันและแบมขอให้ทนายความนำรายละเอียดคำสั่งศาลในเรื่องดังกล่าวมาแจ้งให้ทราบด่วน ในวันที่ 8 ก.พ. เพื่อให้ตัดสินใจว่าจะสู้ต่อไปอย่างไร ระหว่างนี้ยืนยันจะอดอาหารและน้ำต่อไป ในตอนท้ายของคำชี้แจงระบุว่าตะวันและแบม ยืนยันว่าไม่รับรู้ถึงการดำเนินการของ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ และศาล ต่อกรณีการสั่งถอนหมายขัง อีกทั้งจะไม่รับรู้ ไม่ลงลายมือชื่อในเอกสารใดๆที่เกี่ยวกับการปล่อยตัวในครั้งนี้โดยเด็ดขาดออกหมายจับ “จารุพงศ์” บินฟรีวันเดียวกัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.)มีคำสั่งออกหมายจับนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย ในคดี อม. 14/2565 ที่โจทก์ยื่นฟ้องกล่าวหาว่ารับตั๋วเครื่องบินเป็นของขวัญมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ นัดพิจารณาคดีตัวจำเลยไม่มาศาล ได้ออกหมายจับไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 คดีดังกล่าวเป็นกรณีที่นายจารุพงศ์ เมื่อครั้งเป็น รมว.มหาดไทยกับพวก รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อันไม่ควรได้ตามกฎหมายรับทรัพย์สินอันไม่ควรได้เมื่อปี 2555 เดินทางไป-กลับ กทม.-ปักกิ่ง ประเทศจีน ราคาที่นั่งละ 39,000 บาท ปี 2556 บิน กทม.-กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ราคาที่นั่งละ 20,000 บาทเศษ รวมมูลค่าที่ได้รับไปเกือบ 6 หมื่นบาท นายจารุพงศ์กับพวกมีการเรียกเก็บค่าตั๋วจากบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ รับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเกินกว่า 3 พันบาท ตามระเบียบ หรือประกาศของ ป.ป.ช.มีมูลความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 103