ผมพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาประชาสัมพันธ์งานกิจกรรมงานเปิดนิทรรศการดินเผา ร้อยเท่ เสน่ห์ชา พุธ 7 ธ.ค. 4 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม ณ ลานกาลิเลโอเอซิส ที่เพื่อนหมู ปนัดดา ทยอยส่งมาให้เนื้อหาตอนแรก ปานชลี สถิรศาสตร์ ศิลปินช่างปั้น ผู้หลงใหลรสชาติชา เล่าถึงตำนานชานับเวลาพันปี ที่ชามีตำนานเล่าขานคู่มากับถ้วย มีทั้งความสุขสันต์และรันทด เป็นทั้งความงามงดและอัปลักษณ์ ทั้งมาจากที่สูงส่ง และถูกทำให้ต่ำต้อยเป็นสิ่งสูงราคา ที่ทำให้ไร้ค่าโดยง่ายเป็นพืชพันธุ์อันอัศจรรย์ที่สร้างตำนานอันเบิกบาน และโศกสลด เป็นเหตุให้เกิดโศลกขับกล่อม และก่อสงครามอันยืดเยื้อเป็นสิ่งที่ใช้เวลาตระเตรียมอันเนิ่นนาน เพื่อจะชื่นชมและเสพกินในยามครู่ เป็นศิลปินเพื่อเชิดชูความอ่อนน้อม เพื่อถ่อมใจให้ติดดินผู้อยากเข้าใจตำนานอันเบิกบาน และโศกสลด....“ให้ซาบซึ้งลุ่มลึกขึ้น”เชิญมาคุยกับคุณปานชลีได้ที่นิทรรศการ ร้อยเท่ เสน่ห์ชา ณ กาลิเลโอเอซิส ระหว่าง 11.00–19.00 น. วันพฤหัสฯ 8-อาทิตย์ 25 ธันวาคม (เว้นวันอังคาร)มีแผนที่สำหรับการเดินเข้าซอยโรงเรียนกิ่งเพชร เข้าไป 10 เมตร เลี้ยวขวา 30 เมตร เลี้ยวซ้าย เดินตรงไป 60 เมตร ก็ถึงสถานที่จัดงาน กาลิเลโอเอซิสตอนที่สอง คุณหมูตั้งใจบรรยายเสียงไวโอลินเสียงเชลโล่ ประสานเสียงเครื่องสายของนักดนตรีสองสาวหนุ่มสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา คลอบทกวีบทแรก กวีสุภาพสตรีอินเดีย เล่าว่า ชาเพียง 1 ถ้วย มีผลต่อชีวิตอย่างไร ตามด้วยชาเจ็ดถ้วย บทกวี ท่านหลูกง ปราชญ์แห่งชา ยุคราชวงศ์ถังบทกวีที่ 3 จอห์น จาง ชาวเมืองซาราวัค ชื่อภาษาไทย น้ำใสไม่ลวงชา บรรยายวิถีแห่งการชงชาที่เป็นสื่อแห่งการบอกรัก และตามมาด้วยบทกวีชื่อชาร้อนซ่อนรัก จากศาสตราจารย์ จาง ฉั่ว มหาวิทยาลัยเซาท์แคลิฟอร์เนียหมู ปนัดดา บอกว่า ผู้สรรหาบทกวีชุดนี้ คือ พญ.จุฑาทิพย์ หิโรโอตัปปะ จักษุแพทย์ผู้รักวรรณคดีและกลอนกวีไม่แพ้ความเป็นเลิศทางวิชาชีพเนื้อหาตอนที่สาม หมู ปนัดดา เล่าถึงประธานเปิดงาน คุณหญิง จำนงศรี รัตนิน หาญเจนลักษณ์ วัย 80 ปีทั้งสองนับเป็นสองศิลปิน เคยทำงานร่วมกับปานชลี ในนิทรรศการ “งามในความเงียบ” ปานชลี ปั้นดินเป็นเปลือกไม้ คุณหญิงปั้นคำ เป็นบทกวีคุณหญิงและปานชลี เป็น 2 ใน 4 ศิลปินไทย ที่ร่วมแสดงงานนิทรรศการ 4 ศิลปินจากเยอรมัน ในนิทรรศการเชื่อมสายสัมพันธ์ไทย-เยอรมัน เชื่อม Coming Closer ซึ่งจัดแสดงที่หอศิลป์กรุงเทพฯ เบอร์ลิน และสตุตการ์ดศิลปินสาวเยอรมันคนหนึ่ง ขอลายมือบทกวีคุณหญิงแปะเข้าไปในภาพเขียนของเธอ นับเป็นการทำงานแบบ “ศิลปะส่องทางแก่กัน”โดยแท้จบเนื้อหาประชาสัมพันธ์งาน ร้อยเท่ เสน่ห์ชา ผมเข้าใจว่าแฟนพันธุ์แท้ของปานชลีรู้และเข้าใจแจ่มแจ้งสำหรับผม เพิ่งรู้ งานนี้ ไม่มีหนังสือทำนอง เทวลีลา เทวาบันเทิง เล่าเรื่องเทพเทพีที่ผมชอบ แต่ก็พอเข้าใจ ก็แค่บทกวี เสียงเพลง และถ้วยชารูปทรงศิลปะแปลก สะดุดตา คงดึงดูดให้ผู้คนที่คุ้นเคยกลิ่นอายเข้าไปหาโลกของเราก็เท่านี้ นี่คือวิถีของศิลปินปั้นดิน ปั้นคำ ปานชลี สถิรศาสตร์ ผู้เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครผมเป็นคนหนึ่งที่ซาบซึ้ง และคารวะในจิตวิญญาณและผลงานของเธอเสมอมา.กิเลน ประลองเชิง