การประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อหาทางแก้ปัญหาวิกฤติพลังงานแพงและอาหารแพง กลับได้ข้อสรุปที่เหลือเชื่อ มีการตั้ง ณะกรรมการเฉพาะกิจ ที่มีนายกฯเป็นประธาน ทำหน้าที่คล้าย ครม.เศรษฐกิจ และ คณะกรรมการจัดทำแผนแก้ปัญหาในอนาคต ทั้งที่วิกฤติราคาพลังงานและอาหาร เป็นวิกฤติปัจจุบัน รัฐบาลต้องแก้ปัญหาทันที รอทำแผนอีก 3 เดือน 6 เดือนไม่ได้วิกฤตินํ้ามันอาหารแพงในวันนี้ ทำให้ผมนึกถึง วิกฤตินํ้ามันแพง ในสมัย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้เลยขอย้อนประวัติศาสตร์นำมาเล่าสู่กันฟังพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ดำรง ตำแหน่งนายกฯ 2 สมัย ตั้งแต่ 11 พ.ย.2520 ได้ฉายา “อินทรีแห่งทุ่งบางเขน” เจ้าของเมนูอันลือลั่น “แกงเขียวหวานใส่บรั่นดี” เป็นผู้ก่อตั้ง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท. ในปัจจุบัน รัฐบาลเกรียงศักดิ์ 2 เจอความผันผวนของราคานํ้ามันในตลาดโลก ทำให้ต้องขึ้นราคานํ้ามันขายปลีกในประเทศ ส่งผลให้ค่านํ้าค่าไฟขึ้นราคา สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชน รัฐบาลถูกมองว่าไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มีการโจมตีรัฐบาลอย่างหนัก มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ประเด็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่พอยกมือ รัฐบาลก็ชนะได้รับความไว้วางใจแม้ นายกฯเกรียงศักดิ์ จะพยายามประคับประคองสถานะรัฐบาลด้วยการ ปรับ ครม.หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เมื่อมีการขึ้นราคานํ้ามันอีกครั้งในปี 2523 ทำให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวาง มีการจัดชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงขณะเดียวกัน ผู้นำพรรคการเมืองในสภา นำโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชาติไทย พ.อ.ถนัด คอมันตร์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ หัวหน้าพรรคสยามประชาธิปไตย ร่วมกัน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 137 รัฐธรรมนูญ 2521 กำหนดอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 3 มีนาคม 2523พล.อ.เกรียงศักดิ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงแถลงถึงปัญหาต่างๆที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายได้ และ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลางสภา ในช่วงท้ายของการชี้แจงดังนี้ “...การขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและรัฐสภาไม่เป็นสิ่งที่ดี และเชื่อว่าไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนปรารถนา ประชาชนบางส่วนที่อยู่ในชนบท ไม่สนใจว่าใครจะมาบริหารประเทศ ขอให้ท้องอิ่มก็แล้วกัน แต่ความขัดแย้งก่อเกิดเพิ่มขึ้นทับทวี จนยากที่รัฐบาลจะบริหารงานของชาติให้บรรลุเป้าหมายได้ ฉะนั้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองแบบประชา ธิปไตยโดยระบบรัฐสภา กระผมจึงได้ตัดสินใจดังนี้ กระผมขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ระบบรัฐสภาของประชาธิปไตยดำรงอยู่ตลอดไป ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านเลือกบุคคลที่มีความ สามารถดีกว่า เข้ามาบริหารประเทศและรับใช้ประชาชนและประเทศ ชาติต่อไป ขอบพระคุณ”การประกาศลาออกกลางสภาของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้รับเสียงปรบมือจาก ส.ส.กึกก้องสภา เป็นการลาออกที่สง่างามตามกติกาประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ก็ย้อนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์มาเล่าสู่กันฟัง ปลายเดือนนี้ก็จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯเรื่องปัญหาเศรษฐกิจจากวิกฤตินํ้ามันแพง เหมือนกันเปี๊ยบหลังจากที่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ลาออก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐมนตรีกลาโหม ได้รับเลือกจากรัฐสภาเป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 16” บริหารประเทศยาวนานเกือบ 8 ปี นอกจาก แก้ปัญหาเศรษฐกิจและวิกฤติน้ำมันแพงได้สำเร็จ ยังได้ริเริ่ม โครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก นำเศรษฐกิจไทยไปสู่ “ยุคโชติช่วงชัชวาล” จนเกือบกลายเป็น “เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย” วันนี้กลับมาเจอวิกฤติแบบเดิมสมัย 40 ปีก่อนอีกครั้ง.“ลม เปลี่ยนทิศ”