สัปดาห์ที่แล้วนี่เอง บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. เจ้าของรถเมล์ที่วิ่งให้บริการรับส่งประชาชนอยู่ใน กทม. ก็กลับมาเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้า 1 อีกครั้งเหตุเพราะประชาชนกลุ่มใหญ่ออกมาโอดครวญร้องทุกข์ผ่านสื่อแขนงต่างๆว่า เกือบๆ 1 เดือนที่ผ่านมานี้ จำนวนรถเมล์ที่ออกมาวิ่งรับผู้โดยสารมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดนานๆถึงจะมาสักคัน บางครั้งรอถึงครึ่งชั่วโมงยังไม่มีโผล่มาเลย ...ยิ่งถ้าหลัง 2 ทุ่ม แทบจะหายสนิทเมื่อเสียงร้องเรียนดังก้องขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงคมนาคมจึงต้องส่งข้าราชการระดับสูงออกไปสำรวจดูข้อเท็จจริง และในที่สุดก็ยอมรับว่าปัญหาทั้งหลายทั้งปวงที่ร้องเรียนนั้นเป็นความจริงทางฝ่าย ขสมก.เมื่อโดนวิจารณ์หนักๆเข้าก็ออกมาชี้แจงเหตุผลว่า เหตุที่รอรถนานเพราะมีการประกาศลดเที่ยววิ่ง และหยุดเดินรถในบางเส้นทาง เพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมกับราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นประกอบกับรถเมล์บางส่วนของ ขสมก. ซึ่งเป็นรถเก่าใกล้หมดอายุใช้งานแล้วจำเป็นต้องปลดระวาง ทำให้จำนวนรถที่สามารถนำมาใช้บริการได้ลดลงรวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนพนักงานขับรถด้วย ปัจจุบันขาดถึง 700 ตำแหน่ง ทำให้แม้จะมีรถเมล์แต่ก็ไม่มีคนขับขณะเดียวกัน รถร่วมบางสายก็หมดสัญญาเช่าและขาดแคลนพนักงาน ทำให้ไม่มีรถร่วมมาช่วยเสริม ส่งผลให้การขาดแคลนรถประจำทางหนักขึ้นไปอีกอย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่ทาง ขสมก. ซึ่งตระหนักในความเดือดร้อนของประชาชน ก็จะเดินหน้าแก้ไขต่อไป โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาที่ประชาชนจะออกจากบ้านมากขึ้น หลังปลดล็อกโควิด-19ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ทาง ขสมก.จะสามารถแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้หรือไม่? โดยเฉพาะที่มีข่าวว่าจะต้องแก้ให้ได้ใน 15 วันนั้น จะทำได้หรือไม่อย่างไร?สำหรับในประเด็นนี้ “กรุงเทพโพล” ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่ออกไปสำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,151 คน ระหว่างวันที่ 17-21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับคำตอบว่า “ส่วนใหญ่ร้อยละ 77.3 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจถึงไม่มั่นใจเลยว่าจะแก้ได้”มีเพียงร้อยละ 22.7 เท่านั้น ที่ระบุว่าค่อนข้างมั่นใจถึงมั่นใจว่า ขสมก.จะแก้ได้ในที่สุดผมเห็นด้วยกับผลโพลครับ เพราะถ้าผมเป็น 1 ในบุคคลตัวอย่าง ที่กรุงเทพโพลมาสำรวจ ผมก็จะตอบแบบเดียวกับประชาชนร้อยละ 77.3 นั่นแหละครับ ว่าไม่มั่นใจเลยก็ได้แต่ภาวนาขอให้คำตอบของผมและประชาชนส่วนใหญ่ผิดคือในที่สุดแล้ว ขสมก.สามารถแก้ปัญหาได้จริงๆภายใน 15 วันเราต้องยอมรับว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและอีกหลายๆเดือนที่จะมาถึง ความเดือดร้อนเรื่องน้ำมันแพงจะยังคงเป็นปัญหาของโลกและของประเทศไทยต่อไปประชาชนที่ขับขี่รถยนต์ส่วนตัวจำนวนมากที่สู้ไม่ไหว จำเป็นจะต้องจอดรถยนต์ทิ้งไว้และหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น ซึ่งแน่นอนสำหรับประชาชนที่อยู่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้าย่อมมีความจำเป็นจะต้องพึ่งพารถเมล์เป็นหลัก ทั้งรถเมล์ปรับอากาศและรถเมล์ธรรมดาๆ สำหรับระยะเดินทางที่ไม่ไกลนักด้วยเหตุนี้ กระทรวงคมนาคมโดยเฉพาะท่านรัฐมนตรีคงจะอยู่เฉยไม่ได้แน่ๆ จะต้องหาทีมงานที่เข้มแข็งระดับกระทรวงลงมาช่วย ขสมก.อีกทางหนึ่ง เพราะลำพัง ขสมก.เองก็อย่างที่เราทราบ ขีดความสามารถ ในการแก้ปัญหาไม่น่าจะมีมากนัก ดังที่ประชาชนส่วนใหญ่ทราบและไม่ไว้ใจนั่นแหละแก้เสียอย่างรวดเร็วและอย่างทันกาลจะได้ประโยชน์หลายทางนะครับ ท่านรัฐมนตรี เพราะนอกจากจะได้รับคำชื่นชมจากประชาชนคนใช้รถและผู้โดยสารทั่วไปแล้ว ถ้าสามารถแก้ปัญหาได้จบในอาทิตย์นี้อาทิตย์หน้าก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ...ก็อาจจะทำให้การอภิปรายซ้ำเติมใส่รัฐบาลในประเด็นนี้เบาลงไปด้วยสรุป...รีบแก้ด่วนนะครับ อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อเป็นอันขาด เพราะนี่คือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางอย่างแท้จริงในยุค “เงินเฟ้อ” ทั่วโลกอย่างทุกวันนี้.“ซูม”
