วันนี้ครบหนึ่งเดือนที่ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้รับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าฯ กทม. ยิ่งเห็นการทำงานของ ผู้ว่าฯชัชชาติ ในแต่ละวันแล้วก็ยิ่งได้ใจประชาชนมากขึ้น เป็นผู้ว่าฯ กทม.ติดดิน ไม่ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย ไปตรวจงานที่ไหนต้องเกณฑ์ประชาชนไปถือป้ายตากแดดต้อนรับ มีคนให้คิวร้องตะโกนสู้ๆ ไม่รู้จะไปสู้กับใคร หนึ่งเดือน ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯชัชชาติ ได้ทำให้ กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร กลับมาเป็น เทพนครที่มีชีวิตชีวาน่ารื่นรมย์อีกครั้ง แม้จะมีความทุกข์จากข้าวยากหมากแพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพแพงก็ตาม แต่ยังมีเสียงดนตรีในสวนขับกล่อมให้พอคลายทุกข์ได้บ้างผมไม่ได้ชื่นชม ผู้ว่าฯชัชชาติ โดยไร้เหตุผล ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯทุกคนคงรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน กทม.ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่ ผู้ว่าฯชัชชาติ ยังไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน งบเก่าถูกใช้จนไม่เหลือ งบใหม่ก็ยังไม่มา แต่แก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เป็นความทุกข์ถาวรของคน กทม. แค่นี้คน กทม.ก็มีความสุขขึ้นมากมายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯชัชชาติ ได้เริ่ม โครงการผู้ว่าฯสัญจร เป็นวันแรก นำทีมคณะผู้บริหาร กทม.ลงไปเยี่ยมผู้อำนวยการเขต ทีมงาน และ ผู้นำชุมชน โดยจะลงพื้นที่ทุกวันอาทิตย์ เพื่อไม่ไปรบกวนเวลาราชการที่ต้องไปดูแลประชาชน ผู้ว่าฯชัชชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อที่ไปทำข่าวว่า “วันอาทิตย์จะได้เจอพี่น้องประชาชนเยอะ เราเลือกคลองเตยเพราะคลองเตยเป็นชุมชนที่มีปัญหาค่อนข้างหลากหลาย เชื่อว่าถ้าเราแก้ปัญหาคลองเตยได้ หลายๆอย่างเอาไปใช้กับเขตอื่นๆได้ เช่น ไฟฟ้าไม่ติด การก่อสร้าง หาบเร่แผงลอย ศูนย์บริการสาธารณสุข นักท่องเที่ยวต่างชาติ การเร่ขายของตามสี่แยก”ปัญหาเรื่อง สายสื่อสารรกรุงรัง อาจจะไม่ได้เอาลงดิน แต่จะเลือกตัดสายที่ไม่ได้ใช้ออก (รู้ปัญหาจริง) เพื่อไม่ให้บดบังสายตา ผู้สื่อข่าวก็ถามว่าเรื่องสายไฟจะเริ่มได้ตอนไหน ผู้ว่าฯชัชชาติ ตอบว่า เริ่มได้เลย สายไฟมี 2 แนวทางคือ สายตาย ไม่ได้ใช้แล้ว ตัดออกไปเลย ไม่ยาก ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทำได้แล้ว พอเอาออกไปก็สะอาดขึ้น ขั้นตอนต่อไปอาจจะลงดิน หลักการคือ อย่าเพิ่งทำทั้งเขต อาจจะให้ทำเขตละ 20 กม. เลือกจุดที่เชื่อมต่อกัน เช่น คลองเตยไปต่อปทุมวัน ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมก่อน สามารถไปขยายต่อได้ เดือนแรกต้องเห็นแล้วว่าจะไปทำอะไรที่จุดไหนบ้างเห็นไหมครับ สายโทรศัพท์สายสื่อสารที่รกรุงรังเสาไฟฟ้า จนกลายเป็น “ปัญหาระดับชาติ” มาหลายสิบปี ผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แก้ปัญหาได้ในพริบตา คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ฟ้าแจ้งจางปาง ทุกคนเห็นช่องทางแก้ปัญหา ไม่ใช่สักแต่ใช้เงินเป็นหมื่นๆล้านบาท ประมูลกันสนุกกระเป๋าเพื่อเอาสายไฟสายสื่อสารลงดิน แต่แก้ปัญหาได้บางจุดเท่านั้น แต่วิธีคิดของ ผู้ว่าฯชัชชาติ ไม่ต้องใช้เงินเป็นหมื่นๆล้านบาท จ่ายแค่ค่าแรงให้แต่ละเขตช่วยกันทำ แก้ปัญหาเขตละ 20 กม. 50 เขตก็แก้ปัญหาได้ 1,000 กม. โดยไม่ต้องใช้เงินมหาศาลหลายหมื่นล้านบาทอย่างที่ทำกันมาผู้ว่าฯชัชชาติ บอกว่า กำลังปรับปรุงการทำงานของ “แทรฟฟี่ฟองดูว์” ให้สะดวกรวดเร็วตอบโจทย์ของประชาชนได้มากขึ้น ประชาชนจะได้เห็นมิติใหม่ “แจ้งเช้า แก้บ่าย” เขาเล่าว่า วันนี้เด็กๆในชุมชนขอลูกฟุตบอล เพราะมีสนามกีฬา มีลานกีฬา แต่ไม่มีลูกฟุตบอล ที่ผ่านมา ชาวบ้านบอกว่า ผู้ว่าฯ กทม.มาเฉพาะตอนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งก็หายไม่กลับมาอีก แต่เราจะกลับมารับฟังอีก จริงๆมี 3 เรื่องใหญ่ที่ต้องทำ 1.โปร่งใสไม่ทุจริตคอร์รัปชัน 2.ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แจ้งปุ๊บ แก้ปั๊บ 3.ให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง หันหลังให้ผู้ว่าฯ หันหน้าให้ประชาชน ลงพื้นที่บ่อยๆ ผมเชื่อว่าประชาชนจะรักเรา สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เรื่องใหญ่ เด็กขอแค่ลูกฟุตบอล ถ้าเราไม่ให้เขา ก็แย่แล้ว เขาไม่ได้ขอสนามโอลิมปิก ผมว่าชาวบ้านน่ารัก ไม่ได้ขออะไรเกินความจำเป็นถ้า คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เป็น นายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่า ประเทศไทยก็คงจะเปลี่ยนไปเหมือน กทม. เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ เอางบก้อนโตเพื่องาบเป็นที่ตั้ง.“ลม เปลี่ยนทิศ”