ปลดล็อกไม่ต้องใส่หน้ากาก...นับแต่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศด้วยการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มการเดินทางเข้า-ออกประเทศก็ได้ผลทันควันคือมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติแห่มาเที่ยวไทยด้วยอัตราเพิ่มทวีคูณในจังหวัดท่องเที่ยวโดยเฉพาะชายทะเลขณะที่โควิด-19 ก็ลดจำนวนลงอย่างชัดเจน มีแนวโน้มว่าจะหมดไปจากประเทศไทยขนาดนั้นเลยแหละ...ถึงขั้นมีการเสนอให้ ศบค.ประกาศไม่ต้องใส่หน้ากากกันแล้วอีกทั้งพ่วงข้อเสนอให้สถานบันเทิงต่างๆ สามารถเปิดให้บริการดึกกว่าเที่ยงคืน คงหมายถึงให้เป็นปกติเหมือนก่อนที่โควิด-19 จะระบาดดูสภาพแล้วมีความเป็นไปได้...ที่จะคืนความสุขให้คนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยคงจะช่วยสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยขยับตัวดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแต่อีกด้านหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ไม่ใช่เล่นคือสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งคนไทยกำลังประสบอย่างหนัก“นํ้ามัน” ที่พุ่งสูงขึ้นขยับราคาเป็นรายวันจนทำให้เกิดผลต่อเนื่องไปถึงราคาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคราคาสูงขึ้นตามมาสุขด้านหนึ่งแต่ก็ทุกข์อีกด้านหนึ่ง...ราคานํ้ามันนั้นหากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่จบก็คงจะสูงขึ้นต่อไปเรื่อยๆทั้งโลก เพราะเป็นต้นทุนสำคัญแต่ถ้ารอให้สงครามจบแต่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลยก็คงจะอยู่ไม่ได้ ที่สำคัญก็คือไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะจบเมื่อใดวันนี้กองทุนนํ้ามันติดลบเกือบแสนล้านบาท จึงไม่สามารถจะนำไปสมทบช่วยราคานํ้ามันได้ รัฐบาลก็ดูไม่ค่อยจะเชี่ยวชาญในการแก้ไขเท่าใดเนื่องจากเคยสบายกับการใช้นํ้ามันราคาถูกมาตลอดสมัยก่อนราคานํ้ามันเป็นดัชนีวัดความมั่นคงของรัฐบาล หากไม่สามารถควบคุมราคาได้ก็เรียบร้อยทุกรายพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกฯ ก็ต้องตกเก้าอี้ไปเพราะเรื่องนี้นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้เสนอรัฐบาลว่าควรจะลดค่ากลั่นนํ้ามัน ซึ่งจะช่วยให้ราคานํ้ามันลดตํ่าลงได้เพราะมันสูงเกินไปขยับราคาสูงขึ้นถึง 8 บาท/ลิตร ทำให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามารับจ้างกลั่นรับทรัพย์ไปเพียบแต่ดูเหมือนรัฐบาลจะไม่กล้า เห็นนายกฯขอร้องให้บริษัท ลดราคาลงหน่อยโดยเฉพาะบริษัทของไทยที่รับจ้างกลั่นรัฐบาลไม่กล้าบังคับ ไม่กล้าบีบ เพราะจะทำให้ถูกมองว่าไม่เปิดกว้างไม่เสรี แต่ให้กฤษฎีกาไปหาทางว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างอย่าทำเป็นเล่นไปนะครับ...เรื่องนํ้ามันนั้นไม่เข้าใคร ออกใคร ยิ่งสงครามยืดเยื้อออกไปราคานํ้ามันก็จะยิ่งสูงขึ้นหลายประเทศทั่วโลกกำลังเจอปัญหานี้ไม่ต่างกันนี่ทำให้คนไทยต้องเจอ “บุญมีแต่กรรมบัง” เข้าเต็มๆ.“สายล่อฟ้า”