ในจำนวนสิกขาบท 227 ข้อ ในหนังสือนวโกวาท ที่พระบวชใหม่จะต้องท่องจำ มีแถมอีกสองข้อเรียก “อนิยตสิกขาบท” ครับอนิยต แปลว่า ไม่แน่ หรือไม่แน่นอน เป็นชื่ออาบัติที่ยังไม่ระบุชัดว่า เป็นปาราชิก สังฆาทิเสส หรือปาจิตตีย์ตอนบวชเณร ผมจำได้คล่องปาก ตอนนี้หาหนังสือนวโกวาทใกล้มือไม่ได้ จึงจะพยายามลองทบทวนสิกขาบทแรก ภิกษุใดอยู่ในที่ลับตากับหญิงสองต่อสอง ถ้ามีคนเชื่อถือได้มาชี้ว่า เป็นปาราชิก เป็นสังฆาทิเสส หรือเป็นปาจิตตีย์ ภิกษุก็ต้องยอมรับสิกขาบทที่สอง ภิกษุใดอยู่ในที่ลับหูกับหญิงสองต่อสอง ถ้ามีคนเชื่อถือได้มาชี้ว่า เป็นสังฆาทิเสส เป็นปาจิตตีย์ ภิกษุก็ต้องยอมรับนึกถึงสิกขาบทข้ออนิยตเมื่อใด ผมก็ยังสะดุดใจ คนที่เชื่อถือได้ ใคร? ฟังเหมือนว่า พระเป็นเบี้ยล่าง ผิดหรือไม่ ก็ต้องก้มหน้ายอมรับท่าเดียวคุยกันอย่างนี้ ชาวบ้านที่ไม่รู้เหนือใต้ ก็คงจะงง...ลับตา ลับหู คืออะไร? แต่ชาววัดเขาพอรู้ๆกันพระมีอาบัติปาราชิก ข้อเสพเมถุน ครับ...ถ้าพระอยู่ในที่ลับตากับหญิงสองต่อสอง...มีโอกาสให้เข้าใจได้ พระทำอะไรอยู่กับผู้หญิง ถ้าถึงขั้นเสพเมถุนกัน ก็อาบัติปาราชิก ถ้าแค่กอดจูบลูบคลำกัน ก็อาบัติสังฆาทิเสสและถ้าไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง อย่างน้อยที่สุดละนะ พระก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์ปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ...กลับมาขอบวชใหม่ก็ไม่ได้ สังฆาทิเสส ภาษาพระว่า “ชั่วหยาบ” ต้องแจ้งคณะสงฆ์ แล้วต้องลงโทษตัวเองด้วยการ “อยู่กรรม” หรือปฏิบัติปริวาสกรรม ตามจำนวนวันที่ปกปิดไว้ถ้าอาบัติปาจิตตีย์ ถือว่าเป็นอาบัติเบา แค่ “ปลง” บอกกับพระด้วยกัน ก็หายเป็นอันว่า ถ้าพระอยู่กับสีกาสองต่อสอง เหมือนสีกาตองกับพระกาโตะ ริมเขื่อนคืนเดือนหงาย...คู่นั้นเขายอมรับกันเรียบร้อย พระเป็นปาราชิก สึกก็จบเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องเงินวัดก็สะสางกันไปมาถึงข้อ ลับหู...แสดงว่าอยู่ในที่มีคนมองเห็น (ไม่ลับตา) โอกาสที่พระต้องอาบัติได้ มีในระดับ “กำหนัดอยู่ พูดเกี้ยวหญิงให้บำเรอตนด้วยกาม” ถ้าคนเชื่อถือได้มาชี้ว่า เกี้ยวกันอยู่ อาบัติสังฆาทิเสสก็ต้องรับถ้าชี้สถานเบา พูดกันเรื่องมโนสาเร่ ก็รับแค่ปาจิตตีย์ ถือว่ารอดตัวไปชาววัดที่พอเข้าใจวินัยพื้นฐานพระ ไม่ใช่ชาวบ้านอยู่ไกลวัด เหมือนคนรุ่นใหม่ๆ...จึงคิดง่ายๆ แค่ถ่ายภาพพระชราป่วยด้วยจับนมสีกา...ก็จบเรื่อง พระไม่ใช่พระแน่ๆง่ายไป...ชาวบ้านเขาเห็นฉาก พระและคนที่แวดล้อม...ไม่มีบรรยากาศช่วย ให้จับพระสึกได้เหมือนใจนึกเอ้อ! ถ้าอยากจับพระดังๆสึก แล้วพอมีความรู้เรื่องสิกขาบทหรือศีลของพระบ้าง วางแผนให้ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนกว่านี้ ก็น่าจะมีเหตุผลอ้างถกเถียงชาววัดเขาได้ผมย้ำ...ประโยค คนรุ่นนี้อยู่ไกลวัดเกินไป...อีกครั้ง...เพราะหากพวกเขาเข้าใกล้วัดบ้าง ก็น่าจะเจอพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบให้เลื่อมใสไม่น้อย ผมยังเชื่อว่า พระดีๆยังมีให้กราบไหว้สนิทใจอยู่มาก...ส่วนพระอลัชชีที่ถูกจับสึกนั้น แต่โบราณกาลนานมาจนถึงสมัยนี้ ก็ยังมี ต่อไปภายภาคหน้า ก็ยังมีพระอลัชชี พระไม่มียางอายพวกนี้แหละ...เป็นงานของหมอปลา มือปราบสัมภเวสี...จะต้องทำไม่รู้ล่ะนะ! ผมยังเห็นข้อดีของขบวนการหมอปลา รวมทั้งสื่อที่ถูกมองกระเหี้ยนกระหือรือ กับการอยากสึกพระได้ทบทวนเรียนรู้วิชาอะไรๆมาได้มากมาย ควรเรียนรู้เรื่องพระเรื่องวัดเอาไว้บ้างอย่างน้อยก็จะได้สำนึกว่า “วัด” นั้น แต่โบราณนานมา คนไทยเขานับถือศรัทธากันมั่นคง หากไม่ศรัทธาพระ แต่รู้จักเคารพสถานที่ ก็คงไม่พลาดท่าเสียทีเหมือนที่ตอนนี้กำลังเจอ.กิเลน ประลองเชิง