เป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ เมื่อ เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.50 วันที่ 4 พฤษภาคม คาดกันว่าเงินทุนจะไหลออกจากตลาดหุ้นไทย แต่กลับผิดคาด คุณจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสื่อสารฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นไปตามคาดหมายของผู้ร่วมตลาด จึงทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายในภูมิภาคเอเชียและไทยเป็นไปตามปกติ โดยตลาดไทยวันที่ 5 พฤษภาคม มีเงินทุนไหลออกเพียงเล็กน้อย ออกจากตลาดหุ้น 181 ล้านบาท ออกจากตลาดพันธบัตร 2,001 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก ไม่มีผลกระทบอะไรเลยอย่างไรก็ตาม คุณจันทนา เตือนว่า ตลาดอาจผันผวนจากปัจจัยอื่นได้ เช่น ภูมิรัฐศาสตร์โลก ความล่าช้าในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศใหญ่ ดังนั้น ผู้ค้าขายระหว่างประเทศ จึงควรให้ความสำคัญกับ การบริหารความเสี่ยงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนนักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนก็มีความเห็นในทิศทางเดียวกัน ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์จาก ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เห็นว่า ส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายระหว่างสหรัฐฯ กับไทยที่เริ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเรื่องเงินทุนไหลออก แต่ธนาคารยังคงมองสอดคล้องกับธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ยังไม่ได้น่ากังวลมากนัก แนวโน้มปี 2565 ทั้งปี จะยังคงเป็นเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้จะมีฟันด์โฟลว์ไหลออกเพื่อซื้อน้ำมันที่มีราคาแพงขึ้น แต่เชื่อว่าทั้งปียังเป็นการไหลเข้าสุทธิดร.ทิม คาดว่า การประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบวันที่ 8 มิถุนายน จะเห็นการเปลี่ยนมุมมองของแบงก์ชาติที่จะเริ่มพูดเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย เพราะเศรษฐกิจเริ่มดูดีขึ้นและเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงคุณพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ก็มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า แม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับกว่า 3% แต่เชื่อว่าไม่มีผลกระทบทำให้ฟันด์โฟลว์ไหลออกรุนแรง เนื่องจากเป็นไปตามคาดการณ์ คุณพูน ประเมินว่า ฟันด์โฟลว์ทั้งปียังคงเป็นไหลเข้าสุทธิ แบ่งเป็นเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยสุทธิราว 2 แสนล้านบาท ไหลเข้าตลาดบอนด์สุทธิราว 1–1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่กลับไปสู่ช่วงก่อนโควิดที่มีแรงขายออกไปเกือบ 4 แสนล้านบาท หากพิจารณาตั้งแต่ ต้นปีถึงปัจจุบัน (ม.ค.–เม.ย.65) จะเห็นว่า มีฟันด์โฟลว์ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแล้ว 1.2 แสนล้านบาท และ ไหลเข้าตลาดบอนด์กว่า 9 หมื่นล้านบาทข้อมูลของนักวิเคราะห์เหล่านี้ สอดคล้องกับข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยข้อมูลก่อนที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยว่า มีแนวโน้มที่กระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ช่วง 5 เดือนมานี้ (ธ.ค.64–เม.ย.65) ต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย ทำให้ 4 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 118,120 ล้านบาท จุดขายของไทยปีนี้คือ การเปิดประเทศ และ เศรษฐกิจฟื้นตัว แม้จะเป็น K Shape ก็ตาม เงินเฟ้อไทยก็อยู่ที่ 4–5% ไม่สูงเท่ากับประเทศอื่นที่ขึ้นไป 7–8%คุณศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์ฯ ตลาดหลักทรัพย์ ก็เปิดเผยว่า 4 เดือนแรกปีนี้ มีเงินลงทุนย้ายกลับเข้ามายังตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว นักวิเคราะห์ยังคงอัตรากำไรต่อหุ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นอีก 10% จากปี 2564 (กำไรสุทธิ 985,699 ล้านบาท) โดย 4 เดือนแรกปีนี้ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 93,245 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยกลับเข้ามามีสัดส่วนซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 43.75% ของมูลค่าการซื้อขายเลยไม่แปลกใจ ทำไมตลาดหุ้นไทยซื้อขายคึกคักไม่แพ้ต่างประเทศ นักลงทุนรายย่อยกลับมาเป็นผู้ซื้อขายหลัก ซึ่งคงต้องมีกำไรมากพอที่จะลงทุนต่อเนื่องได้นาน.“ลม เปลี่ยนทิศ”