จรวดที่บึมทางโน้น สะดุ้งถึงคนทางนี้สงครามรัสเซีย ยูเครนรบกันไม่หยุด ลามถึงการ “แซงก์ชัน” ทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯเป็นหัวโจกนำทีมบีบ รวมตัวพันธมิตรบอยคอตไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่รัฐมนตรีลูกหาบ “วลาดิเมียร์ ปูติน” สวนกลับไม่ยี่หระ ขู่ให้ระวังน้ำมันดิบโลกจะทะยานไปถึง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คนไทยอาจได้ใช้น้ำมันลิตรละร้อยบาทในไม่ช้าสถานการณ์สุดอั้น อาการแบบที่ท่านผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ขอร้องประชาชนงดใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้รถขนส่งสาธารณะแทนแผนรับมือวิกฤติน้ำมันแพงแบบสุกเอาเผากินเฉพาะหน้าเพราะจนปัญญา สารพัดปัญหารุมเร้า วิกฤติซ้อนวิกฤติ มหาวิกฤติเศรษฐกิจ จากสงครามโรค กดทับสงครามโลก มันเกินมือ สุดแขน “นายกฯทหารอาชีพ” จริงๆ ต้องยอมรับโดยดุษฎีประชาชนคงคาดหวังอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วแต่แนวโน้มก็ยังเห็นความพยายามลากอำนาจไปต่อ ผู้นำจดจ่ออยู่กับการแก้โจทย์สมการทางการเมือง เรื่องของเสียงหนุนในสภา กู้องค์ประชุมที่ล่มแล้วล่มอีก ไม่เหลือสภาพ “เสียงข้างมาก”แบบที่เห็นลิเกวิกเก่า ละครน้ำเน่าฉายซ้ำซากฉากตบๆจูบๆ “พี่ใหญ่” ลงมือผัดกุ้งกระเทียมเลี้ยง “พี่รอง” กับ “น้องเล็ก” โชว์สายสัมพันธ์ลุงๆ 3ป.ต่อเนื่องกับการนัดดินเนอร์กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ย้ำสถานะ “เพื่อนกิน” ยังอิ่มหมีพีมันแต่มันเฝือน่าเบื่อซะแล้ว อะไรมันจะชัดไปกว่าพฤติการณ์หักดิบ หักเหลี่ยม ชิงปาดหน้าเค้ก แย่งกันเคลมหัวคิวสัมปทานรถไฟฟ้า หักหน้าชิงเก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการฯ แก้กฎหมายลูก ยึดหัวโต๊ะคุมคิวแก้กติกาเลือกตั้ง ไม่สนตั๋วใบใหญ่ นักการเมืองอาชีพไม่เกรงบารมีทหารเฒ่าอีกต่อไปถ้าไม่บังเอิญว่า มันมีไฟต์บังคับให้ต้องเกาะกัน “หนีตายหมู่” ดูตามรูปการณ์ภายใต้กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ในสภาพพรรคร่วมรัฐบาลทั้งพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ต่างตกอยู่ในหลุมดำ ผลงานเชิงบริหารเข็นไม่ขึ้น หาจุดขายไม่ได้ต่อให้ตุนกระสุนเต็มโกดัง กล้วยล้นตู้เสบียง แจกได้ไม่อั้นมันก็แทบไร้ความหมาย ภายใต้บัตร 2 ใบ นับปาร์ตี้ลิสต์แบบรัฐธรรมนูญ 2540 มโนล่วงหน้าได้ ภาพทีมดูไบแลนด์สไลด์ จะเหมือนยุคพรรคพลังประชาชนและยุคเพื่อไทยโกยแต้มนำโด่งม้วนเดียวจบนี่คือโจทย์บังคับให้รัฐบาลรวมหัวกู้เกมในกฎหมายลูกอย่างน้อยก็ยังมีจุดลากให้เข้าทางเรา สกัดเขามาแน่ นั่นคือการแก้ระบบนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้ใช้แบบจัดสรรปันส่วนผสมเหมือนเลือกตั้งใหญ่รอบล่าสุดแต่ก็อีกนั่นแหละ ตามสภาพผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” ต้องกลับไปยึดค่ายพลังประชารัฐ ปะผุบ้านเก่าเป็นเรือนตาย ในสภาพไร้กระแส มีแค่กระสุน โอกาสลุ้นขึ้นแท่นอันดับหนึ่งกับเพื่อไทยตัดไปได้แตกกันเละเป็นเขมร 3-4 ฝ่าย ฟันธงได้เลยเป็นพรรคต่ำร้อยชัวร์นี่แหละที่น่ากลัว ภายใต้เครื่องหมายคำถาม โจทย์สถานการณ์ที่ต้องคิดหนักสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าพลังประชารัฐหลุดอันดับสอง ตกไปอยู่อันดับสาม หรือร้ายสุดอันดับสี่นายกฯในบัญชีพรรค พปชร. จะสง่างามหรือไม่ต่อให้มีแต้มต่อใน “250 ส.ว.ลากตั้ง” ถ้าถึงจุดแพ้กระจายในสนามเลือกตั้ง ความขลังของ “บิ๊กตู่” จะเหลืออยู่แค่ไหน ในจังหวะที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ก็ลุ้นตัวโก่งเปิดไดโว่พลังดูดแรงสูง สั่งสมกำลังรอ “ส้มหล่น” เพื่อการนี้เลยภายใต้สภาวการณ์ “ฟ้าปิด” โอกาสทีมดูไบชนะแบบแลนด์สไลด์ ไปจับมือแท็กทีมกับเด็กฟอร์มห้าว อันตรายอย่างพรรคก้าวไกล ก็ยากจะพลิกขั้วอำนาจแต่ที่ไม่อาจมองข้ามตัวสอดแทรกสำคัญ ทีมสร้างอนาคตไทยที่นายอุตตม สาวนายน ว่าที่หัวหน้าพรรค ประกาศชู “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกฯ “มือเศรษฐกิจชั้นอ๋อง” เป็นตัวชูโรงในบัญชีนายกฯพรรค ยึดหลักไม่ยุ่งขั้วขัดแย้ง มุ่งขายคนทำงานมืออาชีพวัดกันที่กึ๋นบริหาร เทียบจุดขาย เดิมพันฟื้นมหาวิกฤติเศรษฐกิจประเทศไทยนี่แหละคำตอบที่ใช่ เทียบยี่ห้ออื่น ตรงสเปกสุด.“ตะวัน ทรงกลด”