ผลการเลือกตั้งที่สงขลาและชุมพร ประชาธิปัตย์ชนะพรรคพลังประชารัฐ ภาษาร้านน้ำชาปักษ์ใต้ หรือสภากาแฟ ภาคอื่น อาจใช้ ประชาธิปัตย์รักษาหม้อข้าวไว้ได้ทั้งภาคใต้ เดิมทีเป็นฐานที่มั่นสำคัญ หลายครั้งประชาธิปัตย์รุกมายึดเมืองกรุง เพิ่งมาเสียกรุง เสียที่มั่นในภาคใต้ไปหลายแห่ง ก็ตอนที่ คุณอภิสิทธิ์ ประกาศไม่เอาทหารนี่คือบทเรียนสำคัญของนักการเมืองที่ถูกมองว่า ไม่มีหัวใจนักเลงนิยามคำนักเลง...ก็แค่ ใจถึงพึ่งได้ คุณสมบัติที่นายกชาย...ประกาศสู้ คุณธรรมนัส ที่เหิมเกริมรุกทุบหม้อข้าวประชาธิปัตย์แตกไปหลายหม้อสำนวน “ทุบหม้อข้าว” ที่ใช้ในสมัยที่เมืองไทยยังไม่มีการเมือง “กาญจนาคพันธุ์” อธิบายมีความหมายแค่ทำลายอาชีพ หรือผลประโยชน์ที่เป็นเครื่องเลี้ยงชีพอยู่เป็นประจำต้องเสียไปทำไมต้องเอา “หม้อข้าว” มาเปรียบ...เวลาเอาข้าวใส่หม้อหุงสุกดีแล้ว ข้าวสุกก็ยังอยู่ในหม้อถ้ายังไม่คดข้าวสุกออกจากหม้อมาใส่ภาชนะอื่น หม้อนั้นก็เป็นภาชนะใส่ข้าวสุกไปในตัว...ชั้นหนึ่งเวลากินก็คด หรือตักข้าวออกจากหม้อทีเดียวก็ได้กินเมื่อทุบหม้อข้าวแตก ข้าวสุกกระจายหกเลอะเทอะไปหมด ก็เป็นอันว่าอดกินฟังเผินๆ “ทุบหม้อข้าว” สมัยที่ยังใช้ “หม้อดิน” เหมือนจะเป็นสำนวนใหม่ แต่ความจริง ทุบหม้อข้าวเป็นสำนวนเก่า เก่าถึงสมัยโบราณ ที่ยังส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือวัดเมื่อพ่อแม่เอาลูกชายไปเป็นลูกศิษย์อยู่กับพระ เรียนหนังสือกับพระ เด็กอยู่กันมาก พระท่านจึงแต่งหนังสือกลอนสวด ชื่อหนังสือศรีสวัสดิ์วัด เนื้อหาสอนจรรยามารยาทลูกศิษย์วัด ไว้หลายข้อข้อหนึ่ง ซึ่งก็ดูสำคัญ“พ่อแม่เขารู้ ติเตียนลบหลู่ พาครูพลอยเสีย เขาเคยมาส่ง สำรับกับเขี่ย เขาเขินเมินเสีย ครูพลอยอดโซเหมือนทุบหม้อข้าว บาตรพระครูเจ้า สิ้นทั้งถ้วยโถ เณรจะอดข้าว หน้าเว้าตาโหว่ เขาไม่พุทโธ ด้วยเณรรังแก”กลอนสวดบทนี้ มีคำอธิบาย ไม่ให้ลูกศิษย์ลวนลาม ถามถึงพี่สาวลูกศิษย์ด้วยกันเพราะหากพี่สาวเขารู้ก็อาจจะเขินอาย ไม่มาส่งสำรับกับข้าวให้พระที่เป็นอาจารย์ฉัน ซึ่งก็หมายต่อไปว่า ลูกศิษย์ก็พลอยจะอดข้าวตามพระไปด้วยสำนวน “ทุบหม้อข้าว” ของชาววัด ใช้กันในเรื่องของมรรยาทจรรยาเด็กวัด แค่นี้แหละไม่ใช่เรื่องโตเรื่องใหญ่อะไรไปกว่านี้ย้อนมาถึงการเลือกตั้งซ่อม เขตหลักสี่ ปลายเดือน ประชาธิปัตย์ ย้อนบทเรียนมารยาท ไม่ทุบหม้อข้าวเพื่อน พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ไม่ส่งคนลงสู้ วัดกระแสผมอยากจะเขียนว่า ประชาธิปัตย์รักษาหม้อข้าว เมืองกรุงไว้ได้ ก็เขียนไม่ออก ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย ออกแรงรักษาหม้อข้าว ที่เข้าใจว่าเป็นของตัวเองไปเคยได้ยินโพลของฝ่ายความมั่นคงก็ของรัฐบาล บอกว่ากระแส “ก้าวไกล” มาแรงก็หากพรรคก้าวไกล มาตามกระแสแรงจริงๆ ก็พอเดาได้ สองพรรคคู่ชิง ถูกทุบหม้อข้าว แตกไปด้วยกันนักการเมืองสมัยใหม่ ไม่เคยได้อ่าน ศรีสวัสดิ์วัด ไม่ถูกสอนให้รู้จักมรรยาทของเด็กวัด ที่ถูกย้ำสอนให้ไม่ลามปามถามถึงพี่สาวคนไม่มีมารยาทเด็กวัด ก็เหมือนนักการเมืองไม่มีมารยาทการเมือง อยู่รัฐบาลเดียวกัน ลงเลือกตั้งแย่งเสียงกันเอง ถ้าจะแพ้เด็กรุ่นใหม่ ก็ถือได้ว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม.กิเลน ประลองเชิง