ปัญหาหมูแพงอันสืบเนื่องมาจากโรคระบาด กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ต้องมีการซักฟอกรัฐบาลในสภา ที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายโดยไม่ต้องลงมติ ขณะเดียวกัน เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ขอให้สอบเอาผิดนายประภัตร โพธสุธนนายประภัตรเป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ผู้กำกับดูแลกรมปศุสัตว์ ถูกกล่าวหาว่าผิดพลาดล้มเหลว และปกปิดการแพร่ระบาดของอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ) แต่ไม่รับผิดชอบใดๆ ถือว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร ข้อกล่าวหาที่ว่าจงใจปกปิดการระบาดโรคเอเอสเอฟ กำลังทิ่มแทงรัฐบาลจากคำชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้อง รู้สึกคล้ายกับว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน ไม่โปร่งใส อธิบดีกรมปศุสัตว์เคยยืนกรานว่าไม่เคยมีการแพร่ระบาดของเอเอสเอฟ ในสามปีที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะให้งบ ประมาณเรื่องนี้ถึง 1,500 ล้านบาท แต่เป็นเงินที่ใช้ในการฟื้นฟูเกษตรกรรายย่อยจากการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาดกรมปศุสัตว์เพิ่งยอมรับเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาว่าตรวจพบเชื้อเอเอสเอฟในโรงฆ่าหมูที่นครปฐม และได้แจ้งองค์การสุขภาพสัตว์ของโลก ผู้สื่อข่าว “ไทยรัฐ” ได้รับทราบจากสัตวแพทย์วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒน์ชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรของประเทศไทย ที่ อ.สามพราน นครปฐม เกี่ยวกับปัญหานี้สัตวแพทย์วิวัฒน์เล่าว่าเดิมเลี้ยงหมูเกือบพันตัว ในช่วงกว่า 2 ปี ตอน โรคเอเอสเอฟเข้ามา หมูเริ่มตายวันละ 10-20 ตัว ตายทุกวันจนหมดเกลี้ยง บางส่วนนำไปกลบฝัง บางส่วนใส่โอ่งหมักทำปุ๋ย มีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์และอื่นๆมาตรวจสอบตามพื้นที่เพื่อหาเชื้อ คำบอกเล่านี้แสดงว่ามีโรคระบาดมานานใช่หรือไม่แต่กรมปศุสัตว์ยอมรับหรือไม่ หลังจากที่อธิบดีเข้าพบนายกรัฐมนตรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีให้โฆษกรัฐบาลแถลงว่า นายกรัฐมนตรีแนะอธิบดีให้ตั้งวอร์รูมสื่อสาร เพื่อชี้แจงการแก้ปัญหาหมูแพง และปัญหาโรคระบาด ทุกวัน เพื่อให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายแต่ประชาชนและสื่อจะเชื่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน แต่เท่าที่ติดตามข่าวมาอย่างต่อเนื่อง มีปัญหาความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสของฝ่ายรัฐบาล ทั้งข้าราชการและฝ่ายการเมือง จึงขอเรียกร้องพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ตรวจสอบและทำความจริงให้ปรากฏ มีการปกปิดความจริงหรือไม่ เพื่ออะไรหรือเพื่อใคร.