ขอเว้นวรรคเรื่องการเมือง และสถานการณ์ในไทยกันสักวัน เราลองไปดูเทรนด์ของโลกในปี 2565 กันว่ามีอะไรบ้างสำนักข่าวเอเอฟพี พาเราไปส่องเทคโนโลยีใหม่ๆที่อาจเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนในปีหน้า แม้ส่วนใหญ่จะเป็นของสหรัฐฯ แต่ก็ส่งอิทธิพลต่อโลกไปในตัวหลังจากที่เราต้องอยู่กับโควิดมาตลอดทั้งปี 2564 ทำให้เราคุ้นชินกับคำว่า “เวิร์กฟรอมโฮม” และ “เมตาเวิร์ส” กันแล้วสำหรับเทรนด์เทคโนโลยีในปี 2565 ที่น่าสนใจและกำลังถูกจับตามองอันดับแรก เนื้อที่ไม่ใช่เนื้อ เทคโนโลยีนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ซะทีเดียว เพราะหลายคนพอจะรู้แล้วว่า ในสหรัฐฯมีการพัฒนาเนื้อทางเลือกที่ผลิตจากพืช หรือแพลนต์เบส มาสักระยะแล้วในปี 2565 น่าจะเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะมีการพัฒนารสชาติและรสสัมผัสได้ใกล้เคียงเนื้อวัวและเนื้อหมูมากขึ้น คุณภาพดีขึ้น และราคาที่ถูกลง โดยเฉพาะเข้ากับเทรนด์ลดโลกร้อน ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญจากข้อมูลสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า การเลี้ยงสัตว์เป็นอาหาร มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 14.5%ขณะที่ตลาดเนื้อแพลนต์เบส มีมูลค่าการเติบโตเพิ่มมากขึ้นทุกปีถัดมาคือ เว็บ 3.0 และคริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency)อินเตอร์เน็ตเฟสแรก คือการสร้างเว็บไซต์และบล็อก จนเป็นจุดกำเนิดของพวก ยาฮู, อีเบย์, อเมซอน เฟสต่อมาคือเว็บ 2.0 ได้แก่ โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ ที่ผู้ใช้เป็นผู้สร้างเนื้อหา มีการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น ทำให้ เฟซบุ๊ก, ยูทูบ เป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลกเว็บ 3.0 ที่กำลังมา เบเนดิกต์ อีแวนส์ ผู้เชี่ยวชาญของซิลิคอนวัลเลย์ มองว่า ความก้าวหน้าระดับปฏิวัตินี้เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายหมื่นหลายล้านเครื่อง ที่ผู้ใช้ ผู้ผลิตเนื้อหา ผู้พัฒนา จะมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์ม และมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันมากขึ้นจะยิ่งทำให้คริปโตเคอร์เรนซีอย่างบิทคอยน์ได้รับความนิยมมากถัดไปคือ แรนซัมแวร์ จะมีได้ทุกที่การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ หรือโจรไซเบอร์ รุกเครือข่ายของเหยื่อเพื่อเข้ารหัสข้อมูล แล้วเรียกค่าไถ่จากข้อมูลของบริษัทความมั่นคงทางไซเบอร์ “โซนิควอลล์” ข้อมูลในปี 2564 นับถึงเดือน ต.ค. ได้รับรายงานมีการโจมตีแรนซัมแวร์ถึง 495 ล้านรายการคาดว่าในปี 2565 เทรนด์แรนซัมแวร์จะยิ่งแพร่หลาย เพราะเป็นช่องทางทำเงินได้ง่ายมากสุดท้ายการกำกับดูแล “บิ๊กเทค” โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ก อาจต้องเจอกับการตรวจสอบอย่างหนักจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ รวมถึงสหภาพยุโรป (อียู) หนักหนาสาหัสแน่โดยเฉพาะประเด็นการผูกขาด ดีไม่ดีอาจถึงขั้นต้องออกกฎหมายใหม่มาดูแลมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า การผลักดันเมตาเวิร์ส หรืออินเตอร์เน็ตเวอร์ชันเสมือนจริงของเฟซบุ๊ก เป็นเพียงความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ หลังจากถูกวิจารณ์มาหลายปีแม้เทรนด์ทั้งหลายเหล่านี้ คนไทยส่วนใหญ่อาจมองว่ายังเป็นเรื่องที่ไกลตัวแต่ความจริงมันไม่ได้ไกลตัวอย่างที่เราคิด เพียงแต่เราอาจเข้าไม่ถึงข้อมูลพอโดยเฉพาะเทคโนโลยีเว็บ 3.0, คริปโตเคอร์เรนซี, แรนซัมแวร์ รวมถึงการจัดระเบียบบิ๊กเทคครั้งใหญ่ถ้าเรารู้ทันโลก รู้เท่าทันเทคโนโลยี ก็หลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวงได้.เพลิงสุริยะ