ผู้ที่อยู่ในแวดวงนักกฎหมายภาครัฐนั้นเป็นที่รับรู้กันว่า ข้าราชการตุลาการและอัยการมีสถานะและค่าตอบแทนสูงกว่ากลุ่มอื่นๆที่เป็นนักกฎหมายด้วยกันต่อมาก็มี นักกฎหมายกฤษฎีกา ที่มีค่าตอบแทนในอัตราเดียวกันกับอัยการ พร้อมกับมีแนวทางในการพัฒนายกระดับนักกฎหมายกลุ่มอื่นติดตามมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รับผิดชอบพัฒนาหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐให้เหมาะสมแก่กาลสมัย ได้รายงานต่อ ครม.ล่าสุดว่าได้ปรับปรุง หลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐ และวิธีการฝึกอบรมเสร็จแล้ว โดยสอดคล้องกับคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตำแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้กำหนดหลักสูตรไว้ 2 ระดับคือ 1.หลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐระดับปฏิบัติการ มุ่งเน้นความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเป็นลำดับแรก เพื่อให้นักกฎหมายภาครัฐที่เพิ่งเริ่มต้นปฏิบัติงานมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่สำคัญต่อการพัฒนากฎหมายให้ดีขึ้นเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ความรู้พื้นฐานในด้านต่างๆ อันจำเป็นต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นที่ใช้ในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการเสริมสร้างและรักษาทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงาน และเพิ่มพูนความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ2.หลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐระดับชำนาญการขึ้นไป มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะของนักกฎหมายภาครัฐที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาให้สามารถปฏิบัติงานในฐานะหัวหน้างาน หรือผู้มีประสบการณ์ที่ต้องตัดสินใจหรือแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากได้และเสริมสร้างและรักษาทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงาน รวมทั้งเพิ่มพูนความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ต่างๆ อันจำเป็นต่อการเตรียมความพร้อมในการพัฒนากฎหมายของหน่วยงานที่ตนสังกัดให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป มีความสามารถในการมองภาพการพัฒนาประเทศในองค์รวม และเพิ่มพูนความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้มีความรู้ในศาสตร์และศิลปะแขนงอื่นที่แตกต่างได้อย่างเข้าใจทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักกฎหมายภาครัฐ ซึ่งหมายถึง นักกฎหมายกฤษฎีกา นิติกร ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมาย ที่สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์และปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องใช้ความรู้ทางกฎหมายเป็นหลักในการปฏิบัติงาน และรวมถึงนายทหารพระธรรมนูญและบุคลากรทางกฎหมายอื่นในสังกัดกระทรวงกลาโหมด้วย...ทั้งหมดนี้เป็นข้อสรุปของกฤษฎีกาในการรายงานต่อ ครม.อย่างไรก็ตาม ยังมีนักกฎหมายภาครัฐอีกประเภทหนึ่งซึ่งสมควรได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยกว่า นักกฎหมายกฤษฎีกา มาตั้งนานแล้วนั่นคือ นักกฎหมายสนธิสัญญาเรื่องนี้ผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศไม่คิดผลักดันให้เป็นวาระเร่งด่วนบ้างหรือไร.“ซี.12”c12thongchai@gmail.com