“บิ๊กตู่” ปลดฟ้าผ่า “ธรรมนัส-นฤมล” โบ้ยไม่เกี่ยวเกมโค่นกลางศึกซักฟอก เสียงแข็ง มีเหตุผลของผม อ้างทำเพื่อประชาชน เพื่อการบริหารงาน “วิษณุ” เคลียร์ชัด 2 อดีต รมช. ถูกปลดพ้นเก้าอี้ตั้งแต่ 1 นาฬิกา วันที่ 8 ก.ย.64 “ผู้กองนัส” แถลงข่าวไขก๊อกแก้เกี้ยว แอ่นอกรับผิดชอบสิ่งที่กระทำไป กร้าวมาทำงานให้ประชาชนไม่ใช่คอยรับใช้ใคร จ่อไปสร้างบ้านใหม่เตรียมไว้แล้ว ลั่นไม่ชอบบ้านเมืองแตกแยก มองไม่เห็นอนาคต เหน็บใน ครม.ร้ายยิ่งกว่า “บิ๊กป้อม” ประกาศิตสั่ง พปชร.ไฟเขียวบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เช็ก ส.ว.-ส.ส.ผ่านหืดจับแก้ รธน.วาระสาม ปล่อยไปลุ้นต่อยื่นศาล รธน.ตีความ “ชวน” ตั้งเลขาฯสภาฯคุมทีมสอบครหานายกฯแจกเงิน 5 ล้านแลกเสียงโหวต ชี้ไม่มีกล้องวงจรปิดหน้าห้องรับรองนายกฯ “สุกิจ” เผยสภาฯมีข้อมูลบางส่วนแล้วควันหลงหลังเกมโค่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ล้มเหลว จนก่อปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงานพ้นจากตำแหน่งปลดฟ้าผ่า “ธรรมนัส-นฤมล”เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 9 ก.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการประกาศ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 22 มีนาคม พุทธศักราช 2564 นั้นบัดนี้นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่าสมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พุทธศักราช 2564 เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “ผู้กองนัส” แถลงข่าวไขก๊อกขณะที่เวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรค พปชร.แถลงข่าวว่า วันนี้ขอใช้เวทีรัฐสภาแถลงข่าวเป็นเรื่องที่ตนไม่สบายใจ นอนคิดมาหลายเดือนแล้วนั่นคือตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ พล.อ.ประยุทธ์ให้เกียรติตนได้ทำงานเพื่อประชาชนมากว่า 2 ปี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ เนื่องจากตนตั้งมั่นมาโดยตลอดว่าหากวันหนึ่งได้มีโอกาสได้มารับใช้ประชาชน ยึดมั่นว่าจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ยึดหลักผลประโยชน์ชาติและบ้านเมือง แต่ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งมาบรรยากาศการบริหารช่วยราชการแผ่นดินไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ อยากกลับไปอยู่จุดเดิมนั่นคือการเป็น ส.ส. เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนไม่ได้มาเพื่อกลุ่มใด-ตั้งต้น จ.พะเยา“ผมต้องการทำงานอื่นที่เข้มแข็ง เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่มารองรับหรือทำอะไรเพื่อคนบางกลุ่ม ปรึกษาครอบครัวมาหลายวันแล้ว ได้ข้อยุติว่าจะลาออกจาก รมช.เกษตรฯ ลงนามไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ตั้งใจว่าจะยื่นเอกสารเลย แต่เลขานุการเข้าใจผิดว่าจะยื่นวันที่ 9 ก.ย.ขอแจ้งประชาชนทุกจังหวัดว่าตัดสินใจแล้วว่า ผมจะเลือกเส้นทางการเดินของผมใหม่ ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง กราบขอโทษพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่รับปาก ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะกลับไปตั้งต้นที่ จ.พะเยา ทำงานให้ชาวพะเยาและจังหวัดอื่นๆ หากกลับไปมีอำนาจอีกครั้ง มีวาสนาอีกครั้ง ตั้งมั่นว่าจะทำงานเพื่อบ้านเมือง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าวขอโทษนายกฯไม่จบ-จ่ออยู่บ้านใหม่เมื่อถามว่า การลาออกสืบเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก่อนโหวตเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ก.ย. ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้วว่าจะตัดสินใจลาออก ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 ก.ย. แต่หัวหน้าพรรคห้ามไว้ตนก็เชื่อ แต่ไตร่ตรองดูพบว่าทางเดินชีวิตที่จะทำเพื่อประชาชนต้องเดินไปอีกไกล จึงตัดสินใจเด็ดขาดเอง เมื่อถามว่าแสดงว่าการพูดคุยขอโทษนายกฯก่อนหน้านี้ปัญหายังไม่จบ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่จบ เพราะตนไม่สบายใจ ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราได้กระทำไป ถ้าพูดด้วยเหตุผลแล้วไม่เกิดประโยชน์ ดีที่สุดคือเราต้องตัดสินใจด้วยตนเอง เมื่อถามว่าจะยังอยู่กับพรรค พปชร.ต่อหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ต้องคิดต่อไป อาจไปอยู่บ้านหลังใหม่ ที่มีความสุข ย้ายมาจากบ้านหลังเดิมที่มีความสุขดีอยู่แล้ว บ้านหลังเดิมของตนคือที่ จ.พะเยา ไม่ขอเหยียบ พปชร.ฮวงจุ้ยตึกไม่ดีเมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตรยังเหมือนเดิม เมื่อถามต่อว่าอีกสองคนแตกหักเลยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ได้แตกหัก แต่เลือกเดินเส้นทางของตน ซึ่งอาจสร้างบ้านหลังใหม่ ส่วนจะมีคนอื่นไปด้วยหรือไม่ ไม่สามารถตอบแทนคนอื่นได้ เมื่อถามว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.ด้วยหรือไม่ หรือลาออกแค่ รมช.เกษตรฯ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.ต้องให้พรรคขับออก ขั้นตอนต่อจากนี้จะไปหารือกับ พล.อ.ประวิตร เมื่อถามว่าการลาออกครั้งนี้จะไม่ทำให้สมาชิกในพรรค รวมถึง พล.อ.ประวิตรเสียดายหรือ หรือจะเอา พล.อ.ประวิตรไปด้วย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น งานของพรรคยังสนับสนุนเหมือนเดิม แต่ต้องคิดอีกที จริงๆคิดมาหลายเดือนแล้ว สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดคือสายตาประชาชน ไม่ใช่คอยรับใช้ใคร เมื่อถามว่าจะกลับไปที่ทำการพรรคอีกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวด้วยน้ำเสียงและแววตาแข็งกร้าวว่า ไม่ไปเหยียบตรงนั้น ไม่ชอบ ไม่อยากฝืนใจตัวเอง เมื่อถามย้ำว่ามีปัญหากับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่มีกับนายสันติ แต่ตึกนั้นฮวงจุ้ยไม่ดี เป็นอาคารแปลกๆ ส่วนต้องหาอาคารใหม่หรือไม่ คงแล้วแต่หัวหน้าพรรคไม่ชอบแตกแยก ใน ครม.ร้ายยิ่งกว่าร.อ.ธรรมนัสกล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะลดบทบาทในพรรคลง แต่จะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ยังเป็นเลขาธิการพรรคอยู่ ยังไม่ได้ลาออก แต่หลังจากนี้จะลงพื้นที่ถี่กว่าตอนเป็นรัฐมนตรี และจะลงพื้นที่ช่วงที่มีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ชอบบรรยากาศบ้านเมืองที่มีความแตกแยกและมองไม่เห็นอนาคต ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ส่วนบรรยากาศใน ครม.ร้ายยิ่งกว่า แต่ไม่ขอพูดรายละเอียด เพราะเราออกมาแล้ว สำหรับแรงกระเพื่อมทางการเมืองหลังจากนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่มาจากตน ยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองเสียหายโวเนื้อหอมหลายพรรครุมจีบร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ส่วนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ยืนยันยังยกมือโหวตสนับสนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบตามแนวทางพรรค พปชร. เมื่อถามว่า การที่ตัดสินใจไปอยู่บ้านอื่น มีพรรคเพื่อไทย (พท.) อยู่ในตัวเลือกด้วยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “มีพรรคมาจีบผมเยอะแยะ ไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้ อาจเป็นพรรคพะเยาหรือพรรคพลังพะเยา หรืออาจเป็นอีสานล้านนาก็ได้ ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว เร็วๆนี้จะได้เห็นโฉมหน้าแน่ๆ” เมื่อถามว่าแบบนี้การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค พปชร.จะไม่แตกเลยหรือ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก็ไม่แน่ เพราะใจตนไปแล้ว พูดแล้วนักเลงพอ ทำอะไรแล้วต้องรับผิดชอบ อยู่ที่ไหนก็ได้ ขอให้ใจมันอยู่ ถ้าใจมันไม่อยู่ ใครจะมาบังคับตนก็ไม่ได้“บิ๊กตู่”มุดมูลนิธิป่ารอยต่อถก “พี่ป้อม”ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ช่วงเช้าเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 7 (The 7th GMS Summit) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 13.20 น. ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯไปก่อนจะถึงเวลาภารกิจตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามผู้ป่วยโควิด-19 ระดับสีแดง (ICU) โครงการลมหายใจเดียวกันของกลุ่ม ปตท. ที่โรงพยาบาลปิยะเวทในเวลา 15.30 น. โดยมีรายงานว่านายกฯเดินทางไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อ เพื่อพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากนั้น 15.20 น. พล.อ.ประยุทธ์จึงไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามปิยะเวท ขณะที่นายกฯรับฟังรายงานของโรงพยาบาลระหว่างนั้นมีข่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แถลงข่าวลาออกจาก รมช.เกษตรฯ เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้านิ่งๆรับฟังรายงานทางโทรศัพท์จากคณะทำงานถึงการลาออกดังกล่าว ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่นั่งข้างๆนายกฯ รีบตรวจสอบข่าวดังกล่าวทันที ไม่ตอบปลด 2 ช.สุดท้ายก็ไม่อยู่แล้วต่อมาเวลา 16.20 น. ที่โรงพยาบาลปิยะเวท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังราชกิจจานุเบกษาประกาศให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า ได้ข่าวเมื่อกี้นี้ รัฐมนตรีลาออกเขาก็เคยพูดไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่า ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ออกไปเป็น ส.ส.ก็ช่วยประชาชนได้ ที่ผ่านมาช่วยงานกันมาโดยตลอด เดี๋ยวคงเป็นเรื่องของพรรคจะหารือกันว่าจะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่างานทุกงานไม่มีหยุดยั้ง มีคนทำงานอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ระบุจะไม่มีการปรับ ครม. สถานการณ์เปลี่ยนไปจะปรับ ครม.หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เดี๋ยวคอยดู คอยฟังข่าว เมื่อถามย้ำว่าจะปรับกี่ตำแหน่ง นายกฯกล่าวว่า ยังไม่ปรับใครตอนนี้ เมื่อมีรัฐมนตรีลาออกทำให้มีตำแหน่งว่าง ตนยังไม่ปรับคนเข้าเมื่อถามว่าเป็นการลาออกหรือว่าปลดออก นายกฯกล่าวว่า ก็เขาลาออก เมื่อถามว่ามีราชกิจจานุเบกษาให้พ้นตำแหน่งแล้ว นายกฯกล่าวว่า “เอาแหละ ยังไงเขาก็ไม่อยู่แล้ว จะมายังไงจะไปยังไง ผมไม่ตอบ”ลั่นผมทำของผม “เหตุผลของผม”เมื่อถามว่าเนื้อหาในราชกิจจานุเบกษาระบุว่า นายกฯเป็นผู้กราบบังคมทูลให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการ เท่ากับเป็นการปลดออกใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ของผม ทำของผม” เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมล มาลาออกกับนายกฯก่อนแล้วใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ผมไม่ได้แจ้งใครทั้งสิ้น มันอยู่ที่ผม ผมทำของผม เมื่อถามอีกว่ามีเหตุผลอะไร นายกฯกล่าวว่า “เหตุผลของผมก็คือเหตุผลของผมสิ เอ้อ” เมื่อถามว่าเป็นเพราะทำงานไม่ได้เป้าหรือไม่นายกฯตอบว่า เอาละเป็นเรื่องของตน เมื่อถามย้ำว่าการทำงานในฐานะรัฐมนตรีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ประชาชนก็ดูเอาแล้วกัน เมื่อถามว่าเป็นผลพวงจากการอภิปรายหรือไม่ที่จะโค่นล้มนายกฯ นายกฯกล่าวว่า ทั้งหมดข่าวก็มาจากสื่อทั้งนั้น โอเคนะ ขอบพระคุณนะจ๊ะ โบ้ยไม่เกี่ยวปมโหวตศึกซักฟอกผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯได้เดินออกจากโพเดียมท่ามกลางสื่อมวลชนที่พยายามยิงคำถามจนนายกฯต้องย้อนกลับมาที่โพเดียมอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า เมื่อปรับออก 2 คนแล้วจะมีใครมาแทน นายกฯกล่าวว่า ปรับออกแล้วเป็นยังไงล่ะ แหมจะให้เอาออกหมดเลยไหม เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสถือเป็นทายาท 3 ป.ทางการเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 3 ป.หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า มันมีเกณฑ์อะไรนักหนาล่ะ จากนั้นนายกฯได้เดินหนีออกจากโพเดียมอีกครั้ง ขณะที่สื่อมวลชนยังพยายามถามอีกหลายคำถาม และถามย้ำว่าสรุปว่าการลาออกของ 2 รัฐมนตรีเป็นผลจากการอภิปรายหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการอภิปราย พร้อมเอามือตบที่หน้าอก และกล่าวว่า ทำเพื่อประชาชน ทำเพื่อการบริหารงาน ไม่ต้องยืนยันนอนยันอะไรทั้งนั้นแหละ เป็นเรื่องของนายกฯแค้นฝังหุ่นมีคนหักหลังแต้มรองบ๊วยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจลุกลามเป็นความขัดแย้งภายในพรรคพปชร.กับนายกฯมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับคะแนนไว้วางใจรองบ๊วย แต่มีคะแนนไม่ไว้วางใจสูงสุด เมื่อวันที่ 4 ก.ย. หลังผลคะแนนออกมา พล.อ.ประยุทธ์ถึงขั้นปรารภกับคนใกล้ชิดว่า “มีคนหักหลัง ให้ไปดูหน่อย” ขณะที่เมื่อวันที่ 6 ก.ย. มีกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสได้แจ้งกับ พล.อ.ประวิตร ขอลาออกจากรัฐมนตรี แต่ พล.อ.ประวิตรยับยั้งไว้ บอกทุกอย่างจบแล้วเคลียร์แล้วไม่ต้องออก แต่ยังคงมีกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัสอาจขอลาออกกลางที่ประชุม ครม. แต่ในที่สุดก็มีการเผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีออกมาก่อนที่ ร.อ.ธรรมนัสจะมาแถลงลาออกที่รัฐสภา สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ต่างจับตาอีกว่า ร.อ.ธรรมนัสจะยื่นใบลาออกจากเลขาธิการพรรคด้วยหรือไม่ “วิษณุ” เคลียร์ชัด 2 รมช.ถูกปลดด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีพระบรมราชโองการให้ 2 รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งว่าถือเป็นการปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากในตัวพระบรมราชโองการได้มีการอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 บัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามที่นายกฯถวายคำแนะนำ วันที่มีผลบังคับจริงคือวันที่ระบุในพระบรมราชโองการ นั่นหมายถึงตั้งแต่หนึ่งนาฬิกาวันที่ 8 ก.ย.2564 อย่างไรก็ตาม เพิ่งได้ทราบข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสแถลงข่าวว่าได้ทำจดหมายลาออก ก็ไม่รู้ว่าจดหมายฉบับนั้นระบุวันที่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่เป็นทางการคือให้ยึดตามพระบรมราชโองการ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องรีบตั้งรัฐมนตรีใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน เพราะตามรัฐธรรมนูญระบุไว้เพียงแค่ให้มีรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 36 คน จะปล่อยให้ทิ้งว่างก็ได้ 2 ตำแหน่งนี้เป็น รมช.ไม่ใช่ รมว. ส่วนงานในหน้าที่ของ 2 รัฐมนตรีต้องกลับคืนสู่ รมว.เพราะอำนาจหน้าที่ของ รมช.เป็นไปตามคำสั่งมอบหมายจาก รมว.อยู่แล้ว เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีใครคิดหรอก มีแต่สื่อที่คิด ยืนยันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรในการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล“บิ๊กป้อม” ยังย้ำคำ “บิ๊กตู่” ไม่ปรับ ครม.ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ พล.อ.ประวิตรไปเป็น รมว.มหาดไทย และให้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณอายุราชการเดือน ก.ย. มาเป็น รมช.มหาดไทย โดย พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่าใครให้ข่าว แล้วใครอยากจะไป เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม บอกแล้วว่า ไม่มีการปรับ ครม. สื่อจะมาถามอะไรกันอีก เมื่อถามว่า 3 ป. ยังกลมเกลียวและยังอยู่ตำแหน่งเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวสั้นๆว่า “เออ” พร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย เมื่อถามว่าลำบากใจหรือไม่กับสถานการณ์ภายในพรรค พล.อ.ประวิตรกล่าวพร้อมส่ายหัวว่า ไม่มีลำบากใจเลย ไม่มี มันก็เป็นไปตามที่ตนบอกแล้ว สื่อจะมาถามกันทำไม เมื่อถามย้ำว่า ดูเหมือนพรรคพลังประชารัฐยังแตกเป็นหลายกลุ่มหลายก๊ก พล.อ.ประวิตรปฏิเสธเสียงสูงว่า “ไม่มีหรอก อยู่กลุ่มผมนั่นแหละ ผมก็ดูแลอยู่เห็นไหมล่ะ” เมื่อถามว่า แม้แต่ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้ ก็แล้วแต่ ส.ส.เขาเสียงแข็ง พปชร.ไม่มีแจกเงินเมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านระบุมีหลักฐานการจ่ายเงิน ส.ส. คนละ 5 ล้านช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ พรรคพลังประชารัฐจะตรวจสอบอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้สิ ตนไม่รู้เรื่อง ที่ฝ่ายค้านระบุมีหลักฐานจะไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ไม่รู้ แต่ยืนยันว่าพรรคและตนไม่กังวลเพราะไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ระบุเชื่อมโยงถึง พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้ ไม่มี พรรคไม่มีนโยบายอะไรแบบนี้ บอกแล้วไงว่าไม่แจกเงิน เมื่อถามว่าหลังโควิดคลี่คลายแล้วพรรคจะนัด ส.ส.ทานข้าวสังสรรค์กระชับความสัมพันธ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ก็ผมไม่หิวอะ” เมื่อสื่อกระเซ้าถามว่าหาก ส.ส.หิวล่ะ พล.อ.ประวิตรถึงกับร้อง “ฮึ้ย” “ชวน” ชี้ไม่มีซีซีทีวีหน้าห้องนายกฯนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม จ่ายเงินให้ ส.ส. 5 ล้านบาท แลกกับคะแนนโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และไปตรวจสถานที่จริงด้วยตนเอง ปรากฏว่า ทั้งหน้าห้องทำงานนายกฯ และ ส.ส.ไม่มีกล้องวงจรปิด จึงสั่งการให้เลขาธิการสภาฯตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ระหว่างนายวิสารอภิปราย ได้นั่งเป็นประธานในการประชุมอยู่ ก็ได้เขียนหนังสือไปถึงเลขาธิการสำนักสภาผู้แทนราษฎร ให้ช่วยเก็บกล้องวงจรปิด อย่าให้ใครไปลบหรือทำลาย พอเสร็จการประชุมก็ได้ลงมาดูด้วยตนเอง ทราบว่าหน้าห้องรับรองนายกฯด้านหน้า ในห้องทำงานทั่วไปหรือแม้แต่หน้าห้องทำงานของตนก็ไม่มีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องการเก็บกล้องวงจรปิดจึงไม่มีปัญหา ส่วน การตั้งคณะกรรมการสอบให้เลขาธิการสำนักงานสภาฯเป็นประธาน จะได้เชิญผู้พูดเรื่องนี้หรือผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูลตั้งเลขาฯสภา ปธ.สอบแจก 5 ล้านนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯกล่าวว่า ประธานสภาฯได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 5 คน ตรวจสอบกรณีนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ระบุในที่ประชุมสภาฯกล่าวหามีการแจกเงินให้ ส.ส.ที่ชั้น 3 อาคารรัฐสภาแลกเสียงโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ก.ย. มีนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาฯ เป็นประธาน ตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รับทราบคำสั่ง พร้อมให้นำเสนอสำนวนการตรวจสอบต่อประธานสภาฯพิจารณาต่อไป ได้ประชุมครั้งแรกแล้วช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ย. และเวลา 16.00 น. เชิญนายวิสารเข้าให้ข้อมูล สภาฯมีข้อมูลบางส่วนอยู่แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เพราะรวบรวมข้อมูลจากหลายฝ่าย รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิด แต่บริเวณห้องนายกฯที่ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่อาจโยงไปถึงส่วนอื่นๆได้“สุทิน” เตือน ส.ว.อย่าขวางคืน ปชต.ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม ว่ามีความสำคัญเพราะเป็นการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวกับระบบเลือกตั้งกลับมาใช้บัตรสองใบ และให้มี ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ถือเป็นบันไดขั้นแรกในการคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน การโหวตประชาชนจับตาอยู่ ต้องได้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 คือ 84 เสียงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จะผ่านหรือไม่จึงอยู่ที่ ส.ว. ต้องพูดข้อเท็จจริงว่า ส.ว.คงสนองตอบต่อรัฐบาล ส.ว.จะลงมติแบบไหนอยู่ที่คนตั้ง ส.ว.ด้วยว่าอยากได้แบบไหน สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเสถียรภาพในพรรครัฐบาลมีปัญหา ฟังดูแล้วนายกฯไปอีกแบบ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปอีกแบบหนึ่ง จึงขอเรียกร้องให้ ส.ว.และผู้มีอำนาจคิดถึงประชาชนบ้าง อย่าขัดขวางการสร้างประชาธิปไตย คืนโอกาสให้ประชาชน ฉวยโอกาสคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่ออายุรัฐบาลให้อยู่ในอำนาจต่อไป “ชลน่าน” ชี้วาระ 3 อยู่ที่ “บิ๊กตู่” กดปุ่มนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วน ส.ว.ระบุแก้ไขย้อนหลังไปสู่รัฐธรรมนูญปี 2540 และไม่เป็นไปตามความต้องการของประชาชน เอื้อประโยชน์พรรคใหญ่ เป็นมุมมองอคติมากเกินไป ไม่มีการเอื้อประโยชน์กับพรรคการเมืองตามที่กล่าวหา สุดท้ายคนตัดสินใจคือประชาชนว่าจะเลือกใครเป็นผู้แทนฯ ไม่สามารถกำหนดว่าใครจะเป็น ส.ส.ได้ จะผ่านวาระที่ 3 ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯจะส่งสัญญาณอย่างไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์คุมเกมในสภา สั่งบุคคลในเครือข่าย คสช.ได้ว่าต้องการให้โหวตแบบไหน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะให้ผ่านหรือไม่ผ่าน“จุรินทร์” โอดเกินกำลัง ปชป.แล้วนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ว.จ่อคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสามว่า จะผ่านหรือไม่ผ่าน สำเร็จหรือไม่เกินกำลังพรรคประชาธิปัตย์จะไปสั่งให้พรรคใดหรือ ส.ว.ให้ทำตามความประสงค์ให้ครบถ้วนได้ อย่างน้อยที่สุดได้ทำหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ ที่ประชุม ส.ส.เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ได้ข้อยุติเห็นร่วมกันว่าจะลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่สาม ส่วนเสียง ส.ว.ไม่สามารถประเมินได้ วาระที่ 1 และ 2 ผ่าน ส่วนวาระที่สาม ต้องติดตามต่อไปภท.ย้ำจุดยืนชัดงดออกเสียงขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทองและโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงจุดยืนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) วาระสาม ว่า พรรคภูมิใจไทยยังคงยืนยันในจุดยืนของพรรคเหมือนเดิมคือ ส.ส.ทุกคนงดออกเสียง เพราะได้งดออกเสียงมาตั้งแต่การพิจารณาในวาระ 1 และวาระ 2 มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ดำเนินการเพื่อพรรคการเมืองและนักการเมืองเท่านั้น อีกทั้งพรรคไม่มีความเห็นเรื่องบัตรเลือกตั้ง จะเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือบัตรเลือกตั้งสองใบ เราพรรคภูมิใจไทยพร้อมทุกแบบกก.แทงกั๊กรอเคาะก่อนลงมตินายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการลงมติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า การลงมติในวันที่ 10 ก.ย. น่าจะเกิดปัญหาเพราะการแก้ไขของ กมธ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กระท่อนกระแท่นหลายด้าน จะมีปัญหามากในกฎหมายลูก ต่อให้ผ่านวาระ 3 ไปได้ก็ตาม เรากำลังทำกฎหมายสูงสุดของประเทศเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง ชุ่ย ลุกลี้ลุกลน หากมันผ่านไปได้แล้วไปมีวิบากกรรม จะมีหลายฝ่ายยื่นตีความแน่ๆ รวมถึงกฎหมายลูกที่มีปัญหา คนโหวตผ่านในวันที่ 10 ก.ย. ต้องรับผิดชอบให้ดีว่ากำลังนำพาประเทศไปสู่ความโกลาหล โจทย์หนักจะอยู่ที่ ส.ว. พรรคก้าวไกลจะประชุมก่อนมีมติอีกครั้งเช้าวันที่ 10 ก.ย. ว่าจะงดออกเสียงหรือโหวตคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า คงต้องทำด้วยความรอบคอบ ทุกอย่างต้องได้รับการประเมินก่อน ประกาศิต “ป้อม” เอาบัตร ลต.2 ใบเมื่อเวลา 13.25 น. ที่ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชั้น 6 รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนประชุม ส.ส.ถึงการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า เมื่อเวลา 11.30 น. ได้โทรศัพท์ไปหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. เพื่อรับมอบนโยบาย พล.อ.ประวิตรให้แจ้งต่อที่ประชุมพรรค พปชร.ให้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะแจ้งให้ที่ประชุมทราบ เพื่อให้เป็นความเห็นร่วมกันของ ส.ส. เป็นแนวทางปฏิบัติของพรรค พปชร. ส.ส.พรรคจะโหวตทิศทางเดียวกันให้เป็นเอกภาพ มั่นใจว่า ส.ว.จะโหวตรับหลักการ ที่ผ่านมาวาระ 1 และในวาระ 2 ก็รับ ฉะนั้นวาระ 3 ก็มี ส.ว.ที่โหวตเห็นชอบอยู่แล้วตามหลักเกณฑ์ ถ้าเป็นเช่นนั้นร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ส่วน ส.ว.ที่ทักท้วงเป็นคนเดิมทักท้วงมาตลอด ยืนยันบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นร่างข้อความเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2554 ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอแก้ไขสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพปชร.ให้ ส.ส.โหวตทิศทางเดียวกันต่อเวลา 13.40 น. มีการประชุม ส.ส.พรรคพปชร. วางแนวทางก่อนโหวตลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม ไร้แกนนำพรรคทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯและเลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และเหรัญญิกพรรค และรองหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และรองหัวหน้าพรรค รวมถึง พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค ไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยนายไพบูลย์ได้แจ้งให้ ส.ส.รับทราบข้อสั่งการ พล.อ.ประวิตรให้ ส.ส.โหวตสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในทิศทางเดียวกัน พร้อมสอบถาม ส.ส.ว่าใครโหวตเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยบ้าง ซึ่ง ส.ส.ส่วนใหญ่ยกมือโหวตสนับสนุน มีเพียงนายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส. สงขลา เขต 1 คนเดียวที่ยกมือไม่เห็นด้วย โดยไม่ได้ให้เหตุผลส.ส.-ส.ว.จ่อผ่าน รธน.วาระ 3ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงการโหวตร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 83 และมาตรา 91 เรื่องระบบการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ในวาระ 3 วันที่ 10 ก.ย. ค่อนข้างเป็นที่ชัดเจนว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาในวาระ 3 โดยมีเสียงจาก ส.ส.และ ส.ว.ให้ความเห็นชอบ โดย ส.ส.ทั้งหมด 480 เสียง มีเสียงสนับสนุนหลักจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์เทคะแนนไปทางเดียวกันเอาด้วยกับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เมื่อรวมกับเสียงพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาแล้วจะมีเสียงสนับสนุนอยู่ที่ประมาณ 300 เสียงต้นๆมากกว่าฝ่ายที่ไม่เอาด้วยกับบัตร 2 ใบ ที่ประกอบด้วยพรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย และพรรคเล็ก ที่มีเสียงรวมกันประมาณ 170 เสียงส.ว.แต้มเกิน 84 เสียงเห็นชอบผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เสียง ส.ว. 250 เสียง ปรากฏว่ามีเสียงก้ำกึ่งสูสีกันระหว่าง ส.ว.ฝ่ายสนับสนุนและไม่สนับสนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดย ส.ว.ฝ่ายไม่สนับสนุนส่วนใหญ่เป็น ส.ว.สายจังหวัดและสายอาชีพ และกลุ่มไม่ชื่นชอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีอยู่ประมาณ 100-130 เสียง จะลงมติไม่รับร่างและงดออกเสียงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 83 และ 91 มองว่าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้เกิดเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภา เกรงว่าจะเปิดช่องให้พรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมามีอำนาจในการเลือกตั้งสมัยหน้า ขณะที่ ส.ว.ฝ่ายสนับสนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ รวบรวมเสียงได้เกิน 84 เสียงแล้ว แม้จะน้อยกว่าฝ่ายไม่เห็นด้วยกับบัตร 2 ใบ แต่ถือว่ามีเสียงเกิน 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว.ทั้งหมด 250 คนปล่อยไปลุ้นด่านยื่นศาล รธน.ตีความผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ว.กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นสายทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่เคยลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรกมาแล้ว โดยได้รับสัญญาณไฟเขียวให้เดินหน้าสนับสนุนการโหวตผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 โดยให้เหตุผลว่าหากคว่ำวาระ 3 จะถูกมองว่าจ้องล้มรัฐธรรมนูญ ทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น แม้จะผ่านวาระสาม ไปได้ ต้องมีผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกขั้นตอน เสียงผ่านหืดจับให้ใช้บัตร 2 ใบผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดังนั้น เมื่อรวมเสียง ส.ส.และ ส.ว.แล้ว จะได้เสียงสนับสนุนมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือเกิน 365 เสียง จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ขณะนี้ทั้งหมด 730 คน โดยมีเสียงเห็นชอบจาก ส.ว.ร่วมด้วยครบ 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง แต่ในเสียง ส.ว.อาจจะเกิน 84 เสียงมาไม่มาก แต่ถือว่าเพียงพอให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 83 และ 91 ในวาระสามได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 10 ก.ย. ต้องไปรอดูว่าหลังจากนี้จะมีสมาชิกรัฐสภาเข้าชื่อกันเกิน 1 ใน 10 ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่“พรทิพย์” หงายไพ่งดออกเสียงพญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวจะงดออกเสียง เนื่องจากไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่ไม่ได้มองประชาชน มองเฉพาะผลการเลือกตั้งที่บางพรรคได้ประโยชน์ ดูดีแค่หลักการวาระ 1 ลงมติไม่รับหลักการ วาระ 2 งดออกเสียง วาระ 3จึงยืนยันจุดยืนเดิมงดออกเสียง บัตรเลือกตั้งสองใบมองเป็นหลักการที่ดี แต่เมื่อดูแล้วพบว่าทำเพื่ออำนาจการเลือกตั้ง 100% ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ได้คุยกับเพื่อน ส.ว.แล้วยืนยันว่า ส.ว.เป็นอิสระ โดยเฉพาะ ส.ว.ทหารมีวิธีการและหลักการคิด ทุกคนล้วนมีหลักการเหตุผล หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านวาระสาม คงไม่ร่วมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่สนใจป่วน“บิ๊กกี่” ส่งสัญญาณไฟเขียวพล.อ.นพดล อินทปัญญา ส.ว.เพื่อนรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม ส.ว.ฟรีโหวต ไม่มีใบสั่งให้คว่ำหรือหงาย แต่ละคนล้วนมีเหตุผลใช้ดุลพินิจพิจารณา ส่วนตัวให้ผ่านตั้งแต่วาระ 1-2 ในวาระ 3 จะให้ผ่านเช่นกัน ถ้าไม่มีการอภิปรายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมยังไม่มีเหตุผลจะไม่ให้ผ่าน เมื่อถามว่ามีการมองว่าหากบัตรเลือกตั้งสองใบผ่าน อนาคตอาจเกิดการกินรวบในระบอบรัฐสภา พล.อ.นพดลตอบว่า ไม่มองไปถึงขั้นนั้น มองปัจจุบันที่วาระที่ 1-2-3 จบแล้ว ยังไม่ได้มองไปไกล เรื่องนั้นเป็นเรื่องอนาคต ไม่รู้ว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่เห็นมีอะไร“ชวน” ใช้เครื่องนับคะแนนเซฟเวลาเมื่อเวลา 12.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯกล่าวถึงการใช้เวลาในการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 วันที่ 10 ก.ย. ว่า ในวันที่ 10 ก.ย. นี้ มีกฎหมายฉบับเดียว แต่จำเป็นต้องประหยัดเวลา เพราะครั้งที่แล้วเราเสียเวลาตอนที่รวมคะแนน ที่ต้องลงคะแนนแต่ละคน โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการทดลองใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคณะกรรมการตรวจคะแนนไม่ต้องมานั่งนับคะแนนด้วยตนเอง เพราะคะแนนจะขึ้นไปตามระบบอิเล็กทรอนิกส์เมื่อมีการลงคะแนน ดังนั้น ตนคิดว่าจะประหยัดเวลาเฉพาะช่วงลงคะแนนไปได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง จึงได้บรรจุวาระอื่นเข้าไปด้วย กลุ่มทะลุแก๊สป่วน คฝ.ตามนัดเมื่อเวลา 17.45 น. กลุ่มทะลุแก๊สขี่รถ จยย.จำนวนหนึ่งมารวมตัวที่แยกดินแดงเหมือนเดิมทุกวัน มีเสียงประทัดยักษ์ดังสนั่น 1 ครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณความเคลื่อนไหว จากนั้นมีเสียงระเบิดดังเป็นระยะ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทะลุแก๊สบางส่วนขี่รถ จยย. เบิ้ลเครื่อง บีบแตรขี่วนไปมากีดขวางจราจร จากแยกดินแดงไปหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก ใช้หนังสติ๊กยิงลูกแก้ว ขว้างประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปองเข้าไปภายในกรมดุริยางค์ทหารบกเพื่อท้าทายยั่วยุเจ้าหน้าที่ คฝ.ที่ตั้งหลักเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ภายในกรมดุริยางค์ทหารบก“ไผ่-บอย” หายโควิดส่งเข้าห้องขังที่กรมราชทัณฑ์ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยถึงอาการแกนนำกลุ่มราษฎรที่ถูกคุมขังในเรือนจำว่า อาการของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กับนายชาติชาย หรือบอย แกดำ แพทย์แจ้งว่าทั้ง 2 คนได้รับการรักษาโควิด-19 ครบกำหนด 14 วัน อยู่ระหว่างการพักฟื้นเพื่อจำหน่ายกลับไปคุมขังยังเรือนจำตามเดิม ส่วนนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ และนายภาณุพงศ์ จาดนอกหรือไมค์ ระยอง ยังอยู่ระหว่างรักษา อาการดีขึ้นทั้ง 2 คนรวบ 2 แนวร่วมม็อบ ม.112 วางเพลิงผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สน.ดินแดง จับกุม น.ส.มาริษา หรือแบ๋ม มะโนสา อายุ 22 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1473/64 ข้อหาร่วมกันกระทำผิดตาม ป.อาญามาตรา 112 ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มั่วสุมตาม ป.อาญามาตรา 215 216 และนายเอ (สงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวที่ 29/64 ข้อหาเดียวกัน นายเอ เปิดเผยว่า คบหาเป็นแฟนกับ น.ส.มาริษาประมาณ 1 เดือน เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง ขณะเกิดเหตุ น.ส.มาริษาใช้โทรศัพท์มือถือของตนบันทึกเหตุ การณ์ ขณะตนฉีกและเผาทำลายทรัพย์สินจึงปรากฏเป็นหลักฐาน พศ.รับปากไลฟ์ธรรมะโดยสำรวมเมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต และพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ 2 พระนักเทศน์ชื่อดังจากวัดสร้อยทอง เดินทางเข้าชี้แจงกรณีไลฟ์สอนธรรมะทางโซเชียลต่อคณะ กมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาฯตามที่นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประธาน กมธ.นิมนต์ โดยพระมหาสมปองกล่าวก่อนเข้าชี้แจงว่าไลฟ์ต่อไปจะเข้าสู่เนื้อหามากขึ้นและจะ “ล.ร.ร.ไลฟ์เรียบร้อย” แต่เราทำงานมาไม่ค่อยมีใครอุปถัมภ์ อยากถาม กมธ.จะดูแลคุ้มครองเราอย่างไรหรือจะทำลายเรา ผู้สื่อข่าวขอให้ฝากธรรมะถึงนักการเมือง พระมหาสมปองกล่าวว่า เมื่อเราอยากเป็นเราต้องอยากทำงานด้วย ถ้ามาแล้วต้องดูแลประชาชนสมกับที่อยากเป็นจากนั้นนายสุชาติแถลงว่าการไลฟ์เป็นเรื่องดีทำได้ มีพระผู้ปกครองดูแลอยู่แล้ว ผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่เข้าฟังการชี้แจงพอใจทุกประเด็น ส่วนโฆษณาหรือสินค้าอุปถัมภ์ตั้งโชว์ได้ ไม่ให้พูดเชียร์ตัวสินค้าและต้องเหมาะสมกับพุทธศาสนา ด้านพระมหาสมปองกล่าวว่าการไลฟ์มีด้านดีทันยุคทันสมัย ด้านลบต้องปรับปรุง อาตมาต่อรองขอแทรกตลก 50% เพื่อดึงคนฟัง ขณะที่พระมหาไพรวัลย์กล่าวว่า จะนำคำแนะนำไปปรับปรุงให้เหมาะสม