เกมปิดปากสื่อสะดุด ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามรัฐบังคับใช้ข้อกำหนดฉบับที่ 29 ให้อำนาจ กสทช.ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ชี้คำสั่งไม่ชัดเจน ลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อ-ประชาชน ขัดรัฐธรรมนูญ “วิษณุ” เตือนสื่อยังมี ก.ม. อื่นใช้อยู่ 2 สื่อออนไลน์ฟ้องแพ่ง ตร.รัวกระสุนยาง เรียก 1.4 ล. พร้อมขอคุ้มครองชั่วคราวห้ามใช้กระสุนยาง บช.น.จัด 38 กองร้อย+กำลังเสริมรับมือกลุ่มปลดแอก “บิ๊กตู่” สั่งสกัดม็อบชนม็อบ กสม.ส่งตัวแทนร่วมสังเกตการณ์ พท.ผวารีบเลิกจัดคาร์ม็อบ “ปิยบุตร” ระเบิดศึก “ไชยยันต์” ไร้น้ำมิตรคงนับถือต่อไปไม่ไหว พท.คัดเน้นๆ ซักฟอก รมต. 2-5 คน “ธรรมนัส” โต้วุ่นฝันสูงนายกฯคนที่ 30ยุทธการปิดปากสื่อของรัฐบาลมีอันต้องสะดุด เมื่อล่าสุดศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามรัฐบาลบังคับใช้ข้อกำหนดฉบับที่ 29 ให้อำนาจ กสทช.ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตสื่อออนไลน์ที่เสนอข่าวเฟกนิวส์ ชี้คำสั่งไม่ชัดเจน ลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อ-ประชาชน ขัดรัฐธรรมนูญ ฟังคำสั่งถอนอำนาจ กสทช.ตัดเน็ตเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ส.ค. ที่ศาลแพ่ง ศาลนัดฟังคำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวคดีหมายเลขดำ พ.3618/2564 ที่ภาคีนักกฎหมาย และตัวแทนสื่อมวลชนออนไลน์ 12 ราย ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ที่ออกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มาตรา 9 ให้อำนาจ กสทช.ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และดำเนินคดีสื่อออนไลน์หากพบมีการเผยแพร่ข่าวบิดเบือน หรือเฟกนิวส์ มี น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสื่อออนไลน์ The Reporters ในฐานะผู้ร้อง พร้อมตัวแทนสื่อสำนักต่างๆ เข้ารับฟังคำสั่งศาล โดยขอให้ศาลไต่สวนคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉิน น.ส.ฐปณีย์กล่าวก่อนเข้าฟังคำสั่งว่า ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน และสื่อมวลชนศาลชี้ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ปชช.ต่อมาเวลา 14.20 น. ศาลออกนั่งพิจารณาไต่สวนพยานหลักฐานแล้ว มีคำสั่งสรุปใจความได้ว่า ข้อกำหนดฉบับที่ 29 ข้อ 1 ที่ห้ามเผยแพร่ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว มิได้จำกัดเฉพาะข้อความอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ ในการออกข้อกำหนดดังกล่าวย่อมเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของโจทก์ทั้งสิบสองและประชาชน ที่รัฐธรรม– นูญบัญญัติคุ้มครองไว้ ทั้งยังไม่ต้องด้วยข้อกำหนดฯ ที่ระบุว่าจำเป็นต้องมีมาตรการที่กำหนดให้การใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นไปอย่างมีเหตุผลถูกต้องตามข้อเท็จจริงตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทั้งข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวตามข้อกำหนดดังกล่าวนั้น มีลักษณะไม่แน่ชัดและขอบเขตกว้าง ทำให้โจทก์ทั้งสิบสอง ประชาชน และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนไม่มั่นใจในการแสดงความคิดเห็นและสื่อสารตามเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และมาตรา 35 วรรคหนึ่ง บัญญัติคุ้มครองไว้ นอกจากนี้ ยังเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ต้องด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 26 วรรคหนึ่ง ทั้งไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่โจทก์ทั้งสิบสอง หรือประชาชนเกินสมควรแก่เหตุตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 ปิดกั้นเน็ตไม่ชอบด้วยกฎหมายส่วนข้อกำหนดฯ ข้อ 2 ที่ให้อำนาจระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ตแก่เลขที่อยู่ ไอพี (IP address) ที่มีการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ ไม่ปรากฏว่าใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดให้ระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ต เป็นข้อกำหนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอินเตอร์เน็ตมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรัฐสั่งปิดพื้นที่หรือล็อกดาวน์จำกัดการเดินทางหรือการพบปะระหว่างบุคคล และข้อกำหนดดังกล่าวมิได้จำกัดเฉพาะการกระทำครั้งที่เป็นเหตุแห่งการระงับเท่านั้น แต่ยังระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ตในอนาคต ด้วยปิดกั้นการสื่อสารของบุคคล และเป็นการปิดกั้นสุจริตชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ต้องด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 36 การให้ข้อกำหนดทั้ง 2 ข้อดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป อาจทำให้เกิดความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังได้คุ้มครองชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งกรณีมีเหตุจำเป็นเห็นเป็นการยุติธรรม และสมควรในการนำวิธีชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้เพื่อเป็นการระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดทั้ง 2 ข้อดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 (2), มาตรา 255 (2) (ง) ประกอบมาตรา 267 วรรคหนึ่ง และการระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวไม่น่าเป็นอุปสรรคแก่การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐหรือแก่ประโยชน์สาธารณะ เพราะยังมีมาตรการทางกฎหมายหลายฉบับให้สามารถดำเนินการผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ อีกทั้งรัฐสามารถใช้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ ในการกำกับเป็นเครื่องมือให้ความรู้ เพื่อการรู้เท่าทันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนแก่ประชาชนได้ มีคำสั่งห้ามจำเลยดำเนินการบังคับใช้ข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น“แยม” ยันใช้สิทธิแบบรับผิดชอบน.ส.ฐปณีย์ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำสั่งศาลแพ่งว่า ขอขอบคุณศาลที่ได้รับฟังเสียงประชาชน คำสั่งศาลวันนี้เป็นการคุ้มครองชั่วคราวในการใช้ข้อบังคับนี้ เหตุผลสำคัญคือศาลให้ความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เราในฐานะสื่อก็ต้องใช้สิทธิเสรีภาพด้วยความรับผิดชอบ คงไม่ทำอะไรที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างที่กังวลแน่นอน จะใช้สิทธิเสรีภาพของเราอย่างรับผิดชอบ ไม่ทำเฟกนิวส์ ในฐานะตัวแทนสื่อขอให้ทุกคนรวมถึงประชาชน ใช้เสรีภาพด้วยความรับผิดชอบ “วิษณุ” เตือนสื่อยังมี ก.ม.อื่นใช้อยู่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อศาลสั่งออกมาจะทำอย่างไรได้ก็ต้องคุ้มครอง ชั่วคราว แปลว่าไม่ใช้ข้อบังคับดังกล่าว ตอนนี้ทุกอย่างต้องหยุดชั่วคราว เมื่อถามว่าถือว่าเป็นการออกกฎหมายที่ผิดพลาดหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เมื่อศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวก็ต้องรอต่อไปว่าขั้นสุดท้ายปลายทางถึงที่สุดแล้วศาลจะสั่งอย่างไร มันเหมือนกับคดีทั้งหลายที่มีการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งรัฐเองก็ต้องปฏิบัติตาม เมื่อถามอีกว่าจากนี้ไปการปฏิบัติของสื่อสามารถดำเนินการได้ปกติใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ว่าอย่าให้ผิดกฎหมายอื่นแล้วกัน เพราะมันยังมีกฎหมายอื่นอีกเยอะที่ศาลบอกเอาไว้2 สื่อฟ้องแพ่ง ตร.รัวกระสุนยางก่อนหน้านี้ช่วงสายที่ศาลแพ่ง นายธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ ผู้สื่อข่าวจาก PLUS SEVEN และนายชาญณรงค์ เอื้ออุดมโชติ ช่างภาพประจำสำนักข่าว The MATTER ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกตำรวจยิงกระสุนยางเข้าใส่ระหว่างทำข่าวการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค. พร้อม น.ส.จันจิรา จันทรแผ้ว ทนายความจากภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร. ผบช.น. และผู้บังคับการกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน เป็นจำเลย กรณีใช้กระสุนยางเข้าสลายการชุมนุมโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้ได้รับบาดเจ็บทั้งที่ใส่เครื่องหมายแสดงตัว เรียกค่าสินไหมทดแทนรวม 1.4 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย และขอไต่สวนฉุกเฉินห้ามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้กระสุนยางในการปฏิบัติงานยกคำร้องไม่มีเหตุฉุกเฉินคุ้มครองกระทั่งเวลา 17.43 น. ศาลมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วกรณีนี้โจทก์ทั้งสอง คือนายธนาพงศ์ และนายชาญณรงค์ เชื่อว่าในวันที่ 7 ส.ค. และอีกต่อไปโจทก์ทั้งสอง สื่อมวลชน และประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ ดั่งหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ศาลเห็นว่ากรณีเป็นเหตุการณ์ในอนาคต ไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ภายใต้เงื่อนไขใด เป็นเพียงการคาดคะเน คำร้องของโจทก์ทั้งสองไม่มีเหตุผลสมควรที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวมาใช้บังคับ กรณีจึงไม่มีเหตุฉุกเฉินตามคำร้อง ให้ยกคำร้องบช.น.จัด 38 กองร้อยรับมือม็อบที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. โฆษก บช.น. กล่าวถึงการนัดชุมนุมทางการเมือง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ และกลุ่มแดงก้าวหน้า 63 ว่า อาจเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา ทั้งการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ในส่วนตำรวจจัดเตรียมกำลังไว้ 38 กองร้อย มีกำลังสนับสนุนจากกองบัญชาการพื้นที่ใกล้เคียงในการดูแลรักษาสถานการณ์ พร้อมตั้งจุดตรวจค้น 14 จุด รอบพื้นที่ชุมนุม เพื่อป้องกันเหตุร้าย รวมทั้งจากมือที่สาม แนวสุดท้ายจะอยู่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์และสะพานชมัยมรุเชฐ ทั้งนี้การข่าวพบอาจกระทบ กระทั่งอย่างรุนแรง เพราะพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มักใช้วิธีการรุนแรง หรือใช้สิ่งเทียมอาวุธในการชุมนุมบ่อยครั้ง “บิ๊กตู่” สั่งตำรวจสกัดม็อบชนม็อบนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯย้ำขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย พยายามใช้ความอดทน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ไม่ให้มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้เห็นต่างที่อาจออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน ขณะนี้การชุมนุมถือว่าผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องขอความร่วมมือโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไม่ว่าฝ่ายใดหรือกลุ่มใด ขอให้เลี่ยงการรวมตัว หรือการชุมนุมกสม.ส่งตัวแทนร่วมสังเกตการณ์ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ว่า กสม.มีมติมอบหมายนางปรีดา คงแป้น นายสุชาติ เศรษฐมาลินี น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการ กสม. พร้อมพนักงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การชุมนุม เพื่อติดตามเฝ้าระวังว่าเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออกของประชาชนได้รับการคุ้มครองหรือไม่ ผู้ชุมนุมได้ดำเนินการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบ และปราศจากอาวุธหรือไม่ และปฏิบัติการของรัฐในการควบคุมฝูงชนเป็นไปตามหลักสากล หลักความจำเป็นและได้สัดส่วนกับสถานการณ์หรือไม่ กสม.ขอยืนยันในบทบาทหน้าที่การสังเกตการณ์และเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นกลาง เป็นธรรม และรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายปลื้มกองทุนประกันม็อบเฟื่องฟูขณะที่ความเคลื่อนไหวของกองทุนราษฎรประสงค์ ที่ดูแลโดย น.ส.ไอดา อรุณวงศ์ บรรณาธิการวารสาร และสำนักพิมพ์อ่าน และนางชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมวิทยา ม.เกษตร ที่ใช้เป็นกองทุนประกันตัวแกนนำม็อบ-แนวร่วมผู้ที่ถูกดำเนินคดี ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยกลุ่มคนอยากเลือกตั้งยุค คสช.ได้โพสต์ข้อความบนเพจกองทุนฯ ว่า ได้เบิกเงินจำนวน 20,000 บาท ให้ทนายนำไปวางประกันเยาวชน 4 คน คือที่เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกกรณีสาดสี-พ่นสเปรย์บนรูปปั้นภายในกระทรวงสาธารณสุขคืนวันที่ 13 ก.ค.64 แต่เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) เรามียอดคงเหลืออยู่ที่ 5,014,323.60 พอเบิกออกไป 20,000 แล้ว ยอดคงเหลือทำไมกลายเป็น 5,253,896 บาท! แอดมินงงค่ะ! พอไปไล่ดูสเตทเมนท์พบยอด 100, 88, 24.75, 6,112 ฯลฯ ยิบย่อยที่มหาศาล จนน้ำตาจะไหลเพราะตาลายขอแสดงความนับถือ กองทุนราษฎรประสงค์พท.ผวารีบเลิกขบวนคาร์ม็อบนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่เคยประกาศรวมตัวคาร์ม็อบเพื่อชุมนุมร่วมกับแนวร่วมกลุ่มต่างๆ วันที่ 7 ส.ค. แต่เนื่องจากการชุมนุมวันดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบคาร์ม็อบ หากทำไปจะมีคาร์ม็อบเพียงสายเดียวจากสมุทรปราการ คงไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มที่ ให้เห็นถึงพลังประชาชนที่ต้องการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม จึงขอเลื่อนการจัดคาร์ม็อบสมุทรปราการออกไปก่อน รอประสานงานกับคาร์ม็อบสายต่างๆเพื่อรวมพลังการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ในคราวเดียวกันปชป.เตือนผู้ชุมนุมรับผลตามมาที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สังคมรู้ถึงเจตนาแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค.ดีว่าต้องการอะไร ไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งใช้ถ้อยคำหยาบคาย ข่มขู่ คุกคาม ก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบัน ที่สังคมรับไม่ได้ นับวันยิ่งเหิมเกริม ขอเตือนควรยุติการกระทำที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้ผู้ชุมนุมหยุดคิดหยุดทำ แต่ถ้ายังกล้าฝ่าฝืนก็ต้องกล้ารับผลของกฎหมายที่จะตามมาเช่นกัน ขอให้เจ้าหน้าที่ยึดหลักบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดหวั่นม็อบชนม็อบบานปลายนายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า การนัดชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และแนวร่วมในวันที่ 7 ส.ค. เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ที่น่ากังวลกว่านั้นคือมีอีกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยยืนยันแล้วว่าจะมาชุมนุมให้กำลังใจตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ เกรงว่าอาจมีการปะทะ หรือเกิดเหตุบานปลายม็อบชนม็อบโดยผู้ไม่หวังดี อยากให้ทุกฝ่ายคิดถึงส่วนรวมให้มาก โดยเฉพาะนายกฯที่ประกาศตลอดว่ารับฟังเสียงประชาชน หากรับฟังจริงก็ควรเสียสละลาออก และเปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถที่สังคมเชื่อมั่น เข้ามาบริหารแทน เหมือนที่ท่านเคยขอให้นักการเมืองเสียสละลาออกจากอำนาจ ก่อนทำรัฐประหาร ท่านทำได้หรือไม่ หรือแค่พูดสวยให้ดูดีเท่านั้น “ปิยบุตร” ระเบิดศึก “ไชยันต์”ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องการเดินทางไปหาภรรยาที่ฝรั่งเศสว่า สุดยอดแห่งการเชื่อมโยงคิดเป็นตุเป็นตะ ช่วงหลังๆแทบไม่ได้เจอภรรยา ยิ่งเกิดโควิดยิ่งเดินทางลำบาก แต่ถ้าเป็นช่วงปกติก็มาฝรั่งเศสเป็นประจำ ปีละ 1-2 ครั้ง ส่วนการเขียนงานเกี่ยวกับปฏิวัติฝรั่งเศส ก็เขียนประจำโพสต์ลงเพจส่วนตัวบ่อยมาก เมื่อก่อนมีคอลัมน์ในสื่อด้วย นายไชยันต์และพวกจะอะไรกันนักกันหนากับตน แค่มาเจอเมียแค่นี้อย่าอ่อนไหวกันนักเลย โตเป็นผู้ใหญ่ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่บ้าง ให้เยาวชนคนรุ่นหลังเขาเคารพกันบ้างไร้น้ำมิตรคงนับถือต่อไปไม่ไหวนายปิยบุตรระบุด้วยว่า “ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอาจารย์ไชยันต์กับนักวิชาการอีกฝ่าย ผมเองยังคิดเสมอว่าผมน่าจะเป็นคนที่สนทนาแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ได้ ไม่นึกว่าจะไปไกลขนาดนี้ ผูกโยงเรื่อง เป็นตุเป็นตะ อ่านแล้วคิดว่าดาวสยาม ยานเกราะกลับมาเกิดใหม่ ไม่รู้ว่ามีวัตถุประสงค์อะไร คุณธรรมน้ำมิตรในหมู่นักวิชาการไม่ต้องมีกันอีกแล้วหรือ ถึงขั้นต้องกุเรื่องทำลายผม ปลุกระดมความเกลียดชังต่อผม บ้ากันขนาดนี้คงเคารพนับถือกันต่อไปไม่ไหว ถ้าหากอ่านข้อเสนอผมแล้วคิดดีๆบ้าง สมองแบบไชยันต์และพวกจะรู้ว่าการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ คือทางออกจริงๆ แต่กลับไม่พิจารณา ไม่สนทนา สาดน้ำมันเข้าใส่ให้ไฟมันแรงกว่าเดิม ก็ทำกันแบบนี้แหละถึงหาทางลงกันไม่ได้เสียที ถ้าผมใช้แท็กติกแบบไชยันต์และพวกบ้างคงต้องบอกว่า หากสถานการณ์ในประเทศไทยลื่นไถลไปไกลจนไม่มีใครคาดคิด ไม่มีใครควบคุมได้ ก็เพราะคนแบบไชยันต์นั่นเอง”“ชวน” เปิดสภาถกงบฯ 18–20 ส.ค.ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร หารือกับรองประธานสภาราษฎร นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ให้งดประชุมสภาฯ วันที่ 11 ส.ค. จะเปิดประชุมอีกครั้งวันที่ 18-20 ส.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วาระ 2-3 เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาให้ทันกำหนดวันที่ 29 ส.ค.นี้ ส่วนเรื่องการเดินทางของ ส.ส. หลังมีประกาศงดเที่ยวบินเข้า-ออกพื้นที่สีแดงเข้มนั้น ส.ส.อาจต้องเดินทางโดยรถส่วนตัว จึงให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุข แจ้ง ผวจ.ทุกจังหวัดขอผ่อนผันเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม และตรวจคัดกรอง เชื่อว่า ส.ส.จะมาประชุมได้โดยไม่มีอุปสรรค และจะปิดสมัยประชุมสภาฯ วันที่ 18 ก.ย.พท.แก้เกี้ยวชง สตง.ตรวจสอบนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 กล่าวว่า กมธ.งบฯของพรรคเพื่อไทยให้ข้อสังเกตว่า งบกลางที่แปรญัตติได้ 1.63 หมื่นล้านบาท ควรนำไปใช้อย่างไรเพื่อให้ตรงวัตถุประสงค์นำไปใช้แก้ปัญหาโควิด ไม่นำไปใช้ในเรื่องอื่น เพราะงบฯ ส่วนนี้จะไม่ปรากฏในรายงานตรวจเงินของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จึงเห็นควรให้มีการตรวจสอบโดยเป็นหน้าที่และอำนาจของ สตง. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน และต้องเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งเผยแพร่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วย และขอให้ ผอ.สำนักงบประมาณ ปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยว่าจะมีการใช้ผิดประเภท เช่น เอางบกลางไปปราบปรามผู้ชุมนุม โดยตัวแทนสำนักงบประมาณที่ร่วมประชุมรับข้อสังเกตดังกล่าวไปปฏิบัติคัดเน้นๆ ซักฟอก รมต.2–5 คนนายประเสริฐยังกล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ รายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายในส่วนของพรรคเพื่อไทยพิจารณาเสร็จแล้ว จะยื่นอภิปรายรัฐมนตรี 2-5 คน เหลือเพียงรวบรวมรายชื่อรัฐมนตรีจากพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น เพื่อมาสรุปร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายวันที่ 11 ส.ค.นี้“ธรรมนัส” โต้วุ่นฝันสูงนั่งนายกฯอีกเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตามที่มีสื่อโซเชียลนำเสนอภาพตนพร้อมใส่ข้อความว่า “ผมพร้อมรับตำแหน่งนายกฯ” “ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย” นั้น ยืนยันว่าไม่เคยพูดหรือให้สัมภาษณ์ข้อความดังกล่าวกับสื่อรายใด ถือเป็นข้อความเท็จไม่มีมูลความจริง จึงมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความเอาผิดผู้ที่โพสต์ หรือแชร์ข่าวดังกล่าวแล้ว เนื่องจากสร้างความเสียหาย และสร้างความเข้าใจผิดในสถานการณ์ที่บ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤติขณะนี้