โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผมเพิ่งอ่าน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนตุลาคม มีสกู๊ปพิเศษน่าสนใจ “Private Banking รุ่ง รับครอบครัวเศรษฐีไทย เตรียมส่งต่อมรดกรุ่นสู่รุ่น” เป็นการเปลี่ยนผ่านความมั่งคั่งจากยุค Baby Boomers ไปสู่ เจเนอเรชันใหม่ ที่เป็น Digital Natives หรือคนเจนวายเจนแซดในปัจจุบัน ข้อมูลจาก World Wealth Report ระบุว่า ความมั่งคั่งของบุคคลที่มีความมั่งคั่งตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ทั่วโลกมีกว่า 74 ล้านล้านดอลลาร์ กว่า 2,330 ล้านล้านบาทนี่คือการเปลี่ยนผ่านความมั่งคั่งในโลกปัจจุบันที่จะทำให้อนาคตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปคุณลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียสแบร์ ให้สัมภาษณ์ใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับตุลาคม ประมาณการว่า กลุ่มลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงในประเทศไทยมีราว 14,000 ครอบครัว มีมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองประมาณ 10 ล้าน ล้านบาท และสิ่งที่มาพร้อมกับเทรนด์ใหม่ก็คือ คนให้คุณค่ากับการใช้ชีวิตมากกว่าการทำงานหนักแบบคนรุ่นก่อนเรื่องหนึ่งที่กลุ่มคนมั่งคั่งสูงของไทยตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัดก็คือ การจัดการทรัพย์สินกับภาษีมรดก ส่งผลให้เกิดความสนใจในการวางแผน Family Wealth Planning รวมทั้งการริเริ่มให้มี “ธรรมนูญครอบครัว” เพื่อความคงอยู่ของตระกูลและธุรกิจอย่างยั่งยืนการวางแผนความมั่งคั่งในครอบครัว เป็นเรื่องที่ ครอบครัวเศรษฐีต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ มากกว่าผลตอบแทนเสียอีก เพราะการแบ่งเท่ากันอาจจะไม่เท่ากันก็ได้ อาจมีปัจจัยอื่นอีกมาก Family Wealth Planning จึงสำคัญมาก สมัยก่อนครอบครัวกลุ่มนี้จะมี “ระบบกงสี” ผูกรวมกันไว้ แต่การผูกกันอาจไม่ได้ทำให้ครอบครัวอยู่ได้ระยะ ยาว ปัจจุบันจึงมีการหาวิธีจัดการที่เหมาะสม ทรัพย์สินบางอย่างควรผูกพันกันไว้ ทรัพย์สินบางอย่างต้องแยก เป็นเรื่องใหม่ที่แต่ละครอบครัวจะต้องคุยกัน และเป็นหน้าที่ของ Private Banker ในการช่วยวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งในครอบครัว ซึ่งต้องอาศัยมืออาชีพในการให้คำปรึกษาและใช้เวลาคุณลลิตภัทร บอกว่า ไทยพาณิชย์ จูเลียสแบร์ มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนความมั่งคั่งให้ครอบครัวอยู่ที่สิงคโปร์ และยังมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศในหลายด้าน เพื่อช่วยจัดโครงสร้างธุรกิจให้เป็นระบบก่อนจะขยายไปด้านอื่นสิบกว่าปีที่แล้ว ผมได้ริเริ่มจัดทำ หลักสูตร Family Business ร่วมกับ สถาบันศศินทร์ จุฬาฯ ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มีตระกูลดังและธนาคารส่งลูกค้ามาเรียนกันมากมายกว่า 300 ตระกูล แล้วธนาคารก็นำไปเปิดเป็นหลักสูตรเองให้กับลูกค้า จนกระทั่ง Babson College มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของสหรัฐฯในเรื่อง Entrepreneur ผู้ประกอบการและธุรกิจครอบครัว ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดหลักสูตรนี้ขึ้นในมหาวิทยาลัยและชวนผมนำหลักสูตรนี้ไปร่วม ก็เอามาเล่าสู่กันฟังประกอบเรื่องครับคุณณฤทธิ์ โกสาลาทิพย์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษา การลงทุนส่วนบุคคล บล.เกียรตินาคินภัทร ก็ให้สัมภาษณ์ใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับนี้ว่า จำนวนคนไทยที่เข้าข่ายกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงเพิ่มขึ้นปีละ 9-10% สินทรัพย์ที่คนกลุ่มนี้ถืออยู่ก็เติบโตปีละ 9% เช่นเดียวกัน เศรษฐีเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการ แยกออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เพิ่งเริ่มทำกิจการมีความมั่งคั่งในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา กับ กลุ่มเศรษฐีดั้งเดิมที่มีกิจการยาวนานนับ 60 ปี มักเป็นธุรกิจครอบครัวและกิจการที่มีขนาดใหญ่การส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย ใครดูละครเรื่อง “เลือดข้นคนจาง” คงได้ข้อคิดว่า ควรจะบริหารจัดการความมั่งคั่งใน ครอบครัว ก่อนที่จะเกิดความบาดหมางเหมือนในละคร การมี “ธรรมนูญครอบครัว” ที่ดี จะช่วยให้การส่งต่อความมั่งคั่งเป็นไปด้วยดีและยั่งยืน เช่นเดียวกับ “รัฐธรรมนูญ” ระดับประเทศก็เหมือนกัน.“ลม เปลี่ยนทิศ”