คอลัมน์ “คุยกับผู้อ่าน” ที่จริงก็คือ บทบรรณาธิการ ของนิตยสาร “หมอชาวบ้าน” ฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2563 อาจารย์หมอประเวศ วะสี เขียนเรื่อง ประเทศไทยหลังโควิดควรจะเป็นอย่างไรบ้านเมืองของเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาหันรีหันขวาง ดูจากความพยายามเปลี่ยนรัฐมนตรีเศรษฐกิจรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะยังอยู่ต่อไปหรือได้ใครอื่น มือถึงหรือไม่? มาแทนนั่นคงไม่สำคัญเท่ากับเราจะเดินหน้าต่อไปตามวิธีการและทิศทางแบบเดิมๆ หรือปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ ทิศทางใหม่ทุกถ้อยคำต่อไปนี้ เป็นของอาจารย์หมอประเวศ วะสี ล้วนๆ ผมคิดว่าท่านผู้อ่านที่เข้าใจอำนาจการเมืองควรอ่านทิศทางการพัฒนาก่อนโควิดคือลัทธิ “การเติบโตทางเศรษฐกิจ”ลัทธินี้นำไปสู่การเสียสมดุลและสภาวะวิกฤติ ดังที่มีความเหลื่อมล้ำสุดๆและมีการทำลายสิ่งแวดล้อมจนพูดกันว่า “ธรรมชาติสิ้นสุดแล้ว”ทั้งนี้ เพราะเป็นการคิดแบบแยกส่วนถ้าจะให้เฉพาะเศรษฐกิจมันฟูสังคมและสิ่งแวดล้อมมันก็แฟบการคิดและทำแบบแยกส่วนจะไปสู่การเสียสมดุลและสภาวะวิกฤติเสมอสังคมหลังโควิดไม่ว่าในประเทศไทยหรือในโลก ควรจะเป็นสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลทั้งระหว่างคนในสังคม และระหว่างคนกับธรรมชาติแวดล้อมพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงมีพระอัจฉริยภาพ และความกล้าหาญอย่างเอกอุ ที่ตรัสทวนกระแส ดังที่ยกมาข้างบนคำว่า “ถอยหลังเข้าคลอง” กับคำว่า “เชย” เป็นคำให้ความรู้สึกไม่ดีแต่ก็ทรงใช้ โดยทรงให้เหตุผลว่า...ในคลอง คลื่นลมสงบ ไม่เหมือนในมหาสมุทรที่เรือล่มง่ายดังพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ที่พ่อค้าที่โลภมากจะไปแสวงหาความร่ำรวยที่สุวรรณภูมิ แล้วเรือล่มในมหาสมุทรถึงแก่ความตายหมดวิกฤติโควิด เศรษฐกิจล่มหมดทั้งโลก เพราะคลื่นลมแรง“ขอให้เราพออยู่พอกิน และมีไมตรีจิตต่อกัน”นั่นคือสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันด้วยความสุขประเทศไทยมีแผ่นดินกว้างใหญ่ มีเนื้อที่ 321 ล้านไร่ และสามารถผลิตอาหารได้เหลือกิน ต่างจากสิงคโปร์หวังว่าวิกฤติโควิดจะก่อให้เกิดการกระตุกจิตสำนึกครั้งใหญ่หันมาสนใจสิ่งดีๆที่พระเจ้าอยู่หัว ร.9 ตรัสสอนไว้เป็นอันมากตั้งทิศทางการพัฒนาประเทศไทยหลังโควิดให้ดีๆ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้องเป็นธรรมและดีงาม.กิเลน ประลองเชิง