(ภาพ : นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์) ไพ่ใบสุดท้าย...เริ่มต้นของพรรคการเมืองใหม่ 3 พรรค ที่เป็นสีสันทางการเมืองในระบบสภาของไทย ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีอนาคตไปทางไหน“พรรคกล้า” ที่มี “กรณ์ จาติกวณิช” เป็นหัวหน้าพรรค และ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” เลขาธิการพรรคทั้ง 2 คน 2 ตำแหน่งนี้มาจากผลผลิตของประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ของเมืองไทย แต่เนื่องจากเกิดปัญหาภายในจึงได้ลาออกมาขับเคลื่อนพรรคใหม่ตามแนวคิด“ประชาธิปัตย์” วันนี้จึงกร่อยไปเยอะ...ว่าไปแล้วความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นนั้น นอกเหนือจากความคิดที่ต่างกันทางด้านการเมืองแล้วยังมีประเด็นสำคัญก็คือการบริหารจัดการของผู้บริหารชุดปัจจุบันที่สร้างความรู้สึกในลักษณะ “พวกพ้อง” และ “ความไม่ไว้วางใจ” กันจนทำให้ไปด้วยกันไม่ได้เอาความจริงมาว่ากันปัญหาอย่างหนึ่งในประชาธิปัตย์นั้นแม้ จะเป็นพรรคที่มีระเบียบวินัย มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนแต่ในทางการเมืองที่มีบริบทใหม่การไม่ขยับปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานของพรรคอันเก่าคร่ำครึไม่ทันสมัยต่อสถานการณ์ที่จะต้องมีการปฏิรูปอย่างทันท่วงทีจะเป็น “เงื่อนไข” สำคัญอันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงได้แม้ผู้บริหารชุดปัจจุบันจะถือมั่นในคำว่า “ประชาธิปัตย์” ไม่มีวันตายยังไงก็จะเป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่ประเทศไทยต่อไปแต่ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าแล้วอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?อีกพรรคการเมืองหนึ่งคือ “ก้าวไกล” ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นหัวหน้าพรรคและ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคพรรคก้าวไกลนั้น แม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่ตัวผู้เล่น ยังเป็นคนเดิมจากพรรคอนาคตใหม่ที่ถูก “ยุบพรรค” ไปแล้วอีก 55 ชีวิตที่ยังคงเป็น ส.ส.จนกว่าจะหาพรรคใหม่สังกัดใน 60 วัน จึงมารวมตัวกันอีกครั้งและต้องเปลี่ยนผู้บริหารกันใหม่แบบยกชุด“บ้านหลังใหม่ จิตใจยังเหมือนเดิม”น่าจะเป็นข้อสรุปถึงแนวทางของพรรคก้าวไกลที่ยึดอุดมการณ์ เดียวกันที่ถ่ายทอดมาจากพรรคอนาคตใหม่“ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ” ที่ถูกเว้นวรรคการเมือง 10 ปี ก็ต้องเล่นอยู่รอบนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองไม่ได้บทเรียนจากพรรคเก่าที่ต้องพึงระวังคือการทำผิดกฎหมายในหลายวาระ ถ้าจะให้ก้าวไกลต่อไปได้อย่าทำผิดอีก หรืออย่าไปท้าทายกับกฎหมายเดี๋ยวจะกลายเป็น “ก้าวไม่ไกล”...ไปเสียฉิบยังมีอีก 1 พรรคคือ “พรรคเสมอภาค” นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ เป็นโต้โผใหญ่ เพียงแต่ประกาศจัดตั้งจึงยังไม่เห็นตัวตนว่าใครเป็นใครกันบ้าง“ลดาวัลลิ์” นั้นก็เพิ่งลาออกจากพรรคเพื่อไทย ให้เหตุผลว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ทำอะไรไม่ได้ไร้อนาคตปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นนี้ แม้จะเป็นการเริ่มต้น ใหม่ที่ยังไม่รู้อนาคตข้างหน้าเป็นอย่างไรต่อไปที่พอรู้กันได้คือ อนาคตของรัฐบาลชุดนี้ดูท่าจะไปไม่ไกลเสียแล้ว.“สายล่อฟ้า”