มาทันจังหวะเวลาที่การเมืองกำลังร้อนแรง ศ.ธีรยุทธ บุญมี จากมหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาพูดเรื่องการเมือง เนื่องในโอกาสครบรอบ 43 ปี 14 ตุลาคม ตอนหนึ่งความว่า มีกระบวนทัศน์ใหม่ เข้ามาครอบงำคนไทย คือ “ความเมือง” เป็นเรื่องการต่อสู้แบบเบ็ดเสร็จของกลุ่มคนซึ่งมองอีกกลุ่มเป็น “ศัตรู” ที่ต้องทำลายล้างต่างจาก “การเมือง” ซึ่งเป็นพื้นที่การแข่งขันความคิดที่ต่างกัน อาจโกรธกันได้ แต่สามารถหาข้อสรุปด้วยเสียงส่วนใหญ่ ศ.ธีรยุทธกังวลว่า ในปัจจุบันคนไทยส่วนหนึ่งกำลังรับกระบวนทัศน์ความเมือง นำมาใช้ในภาวะปกติ โดยไม่มีวิกฤติใดๆ นักการเมืองกลายเป็นนักความเมือง ทหารฝ่ายมั่นคงกลายเป็นทหารการเมืองความคิดแบบ “ความเมือง” ทำให้ความขัดแย้งขยายตัวน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากความขัดแย้งเหลือง-แดง เป็นเรื่องชนชั้นกลางในชนบทกับชนชั้นกลางชั้นสูงในเมือง เพิ่มประเด็นเป็นภาคเหนือ อีสาน ใต้ ขยายเป็นความขัดแย้งระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ความคิดใหม่กับเก่า บ่งชี้ว่ารัฐบาลกับทหารจัดการกับวิกฤตการณ์ผิดพลาดศ.ธีรยุทธเคยเป็นผู้นำนักศึกษาในการต่อสู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ที่กลายเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 น่าจะจำได้ดีว่า ความขัดแย้งเรื่องแนวคิดทางการเมืองมีมานานแล้ว และเคยปะทุขึ้นเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519 และพฤษภาทมิฬ 2535 เป็นความขัดแย้งระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตยในการยึดอำนาจเมื่อพฤษภาคม 2557 คสช.อ้างเหตุผลว่า บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ต้องเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งสัญญาว่า จะลดความขัดแย้ง และสร้างความปรองดอง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป คสช.กลับกลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง เป็นความขัดแย้งแบบเดิมๆเพราะการสืบทอดอำนาจประเพณีการปกครองแบบเผด็จการในประเทศไทย มีการสืบทอดต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เริ่มต้นด้วยการยึดอำนาจ โค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญเก่าทิ้ง ประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว เขียนขึ้นใหม่เป็นฉบับถาวร เพื่อสืบทอดอำนาจให้ยั่งยืนสืบไป ขณะที่ฝ่ายประชาธิปไตยก็ลุกขึ้นมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญใหม่เป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ที่หมุนเวียนแบบนี้อย่างไม่จบสิ้น คราวนี้ ศ.ธีรยุทธเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพ และ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ช่วยเป็นเสาหลักทางความคิดในสังคม คอยพยุงทิศทางของประเทศ แต่จะมีใครมองอาจารย์เป็นคู่ขัดแย้งหรือไม่.