ดร.ภากร ปิตธวัชชัย กรรมการจัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดงาน Thailand Focus 2019 วันที่ 28-30 สิงหาคม สวนกระแส MSCI ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่จาก 3.08% เหลือ 3.01% มีนักลงทุนสถาบันใหญ่จากทั่วโลก 127 ราย มูลค่าสินทรัพย์รวม 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 80 ล้านล้านบาท เข้าร่วมฟังข้อมูลที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และ มีบริษัทจดทะเบียนไทย 106 บริษัท มูลค่าตลาด 12.35 ล้านล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 72% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ไทย เข้าร่วมให้ข้อมูลการให้ข้อมูลใน ไทยแลนด์โฟกัส 2019 ครั้งนี้ ดร.ภากร เปิดเผยว่า มีทั้ง One on one และ group presentation รวม 2,112 ครั้ง ใน 3 วัน ถือว่ามากทีเดียว แสดงว่า ประเทศไทยยังเป็น Save Heaven แหล่งลงทุนที่ปลอดภัยของนักลงทุนดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลัง เป็นประธานเปิดงานและให้ข้อมูลถึงสถานะเศรษฐกิจไทยวันนี้ว่า รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปเพื่อยกระดับประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน โดยสานต่อโครงการต่างๆที่ริเริ่มในรัฐบาลที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC การพัฒนาดิจิทัลไปสู่ชนบท การพัฒนาคน การลงทุนด้านเทคโนโลยี ทำให้ปี 2018 WEF เพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันของไทยจากอันดับ 40 ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 38 และธนาคารโลกเพิ่มอันดับ Ease of Doing Business ไทยติดอันดับ 3 ในอาเซียนรองจาก สิงคโปร์ มาเลเซีย สำนักจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ และฟิตซ์ เรตติ้ง ก็ปรับแนวโน้มประเทศไทยจาก Stable เป็น Positive (บวก)ประเด็นหนึ่งที่นักลงทุนทั่วโลกอยากฟังจากปากของ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลังในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แกนนำ รัฐบาลผสม 19 พรรค ก็คือ สถานการณ์ทางการเมืองของรัฐบาลผสม 19 พรรค จะไปได้นานแค่ไหนประเด็นนี้ ดร.อุตตม ตอบเพียงสั้นๆว่า การทำงานของรัฐบาลผสม 19 พรรคเป็นไปด้วยดี ทุกพรรคการเมืองตระหนักดีว่า มีความคาดหวังจากประชาชนต่อรัฐบาลนี้สูงมาก เพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี ฝ่ายค้านก็มีความคาดหวังสูงเช่นเดียวกัน จึงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ก็เป็นคำตอบกลางๆ ไม่บวกไม่ลบ แต่นักลงทุนระดับโลกทุกคน รู้ดีว่า รัฐบาลผสมมากพรรคทุกประเทศในโลก ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่นาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลผสมไทยๆ หรือยุโรปแต่ตอบแบบนี้ นักลงทุนขาใหญ่ ฟังแล้วก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งช่วง วิกฤติสงครามการค้าจีนสหรัฐฯ หนึ่งปีเศษที่ผ่านมา ประเทศไทยกลายเป็นสวรรค์ของนักลงทุนทั่วโลก เป็นที่พักเงินชั่วคราวที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไทยมีเงินทุนสำรองสูง มีหนี้ระยะสั้นน้อย จึงมีความมั่นคง เมื่อนักลงทุนนำเงินมาพักที่ไทยมากๆ ผลเสียที่เกิดขึ้นก็คือ ทำให้เงินบาทแข็งค่ามาก เมื่อเงินบาทแข็งค่า ก็ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ทำให้ 7 เดือนแรกปีนี้การส่งออกไทยติดลบตัวเลข ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 ครึ่งปีแรกปีนี้ นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยอยู่ 5.15 ล้านล้านบาท หรือ 30% ของมูลค่าหลักทรัพย์ทั้งตลาด แม้ช่วงนี้จะมีโบยบินออกไปบ้าง แต่คงไม่มาก ดูจากเงินบาทที่ยังแข็งค่าไม่เลิก แสดงว่าเงินทุนต่างชาติยังอยู่กับหุ้นไทย ไม่น้อย ไทยจึงยังเป็น Save Heaven สวรรค์ที่พักเงินของนักลงทุน ในยามที่ตลาดหุ้นโลกผันผวนอย่างรุนแรง แต่ตลาดหุ้นไทยผันผวนน้อยกว่าผมดูข้อมูลแล้วก็ได้แต่ อิจฉานักลงทุนต่างชาติ ที่ประเทศไทยเป็นแดนสวรรค์ให้เขาร่ำรวยยิ่งขึ้น แต่คนไทยส่วนใหญ่กลับยากจนลงมากขึ้น คนจน 14.6 ล้านคนต้องรับเงินสวัสดิการรายเดือนจากรัฐเพื่อการยังชีพ เกษตรกรหลายล้านคนต้องจนเพิ่มขึ้นจากภัยแล้ง ทำให้รัฐบาลต้องสั่งพักหนี้ “ประเทศไทย” วันนี้เลยกลายเป็น “หนึ่งประเทศสองชนชั้น” ไม่รู้จะอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน.“ลม เปลี่ยนทิศ”