คนที่เคยขับรถติดอยู่บนสะพานขาว...สมัยนี้คงไม่มีเหตุจูงใจให้มองไปที่คลองมหานาค ซักเท่าไหร่ ตึกสูงๆสมัยใหม่...อย่างที่ตลาดโบ๊เบ๊ แย่งความสนใจไปหมดหนุ่มรุ่นผม สี่สิบปีที่แล้ว นัดเพื่อนไปดูหนัง คุ้นกับโรงหนังปารีส ฝั่งคลองตรงข้ามกรมประชาสงเคราะห์เก่าแต่ถ้าย้อนไปสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตอนที่นั่งเรือผ่าน สุนทรภู่พรรณนาไว้ในโคลงนิราศสุพรรณ ว่า “มหานาคฉวากวุ้ง คุ้งคลองชุ่มชื่นรื่นรุกข์สอง ฝั่งน้ำ...” สมัยนั้นต้นไม้ใหญ่น้อยให้ร่มเงาครึ้มว.วินิจฉัยกุล เขียนเรื่องคลองมหานาคไว้ ในหนังสือสืบตำนานสานประวัติ (สำนักพิมพ์ทรีบีส์ พ.ศ.2553) ว่า ความร่มรื่นต้นไม้ริมคลองมหานาค และความเย็นของสายน้ำใส ช่วยบรรเทาไอแดดที่กำลังแผดร้อนลงได้มากคลองมหานาค สร้างเมื่อคราวสร้างพระนคร พ.ศ.2326 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯให้ขุดขึ้นเป็นคูเมืองด้านตะวันออกก็เป็นคลองเดียวกับคลองโอ่งอ่าง และคลองบางลำภู เรียกชื่อไปคนละอย่าง แล้วแต่ว่าจะผ่านตรงถิ่นไหนแรงงานที่ใช้ขุดคลอง เป็นชาวเขมรหนึ่งหมื่นคน เริ่มขุดจากแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบางลำภู มาออกแม่น้ำเจ้าพระยาข้างวัดบพิตรภิมุข ความยาว 85 เส้น 13 วา กว้าง 10 วา ลึก 5 ศอก ตอนแรก พระราชทานชื่อ “คลองรอบกรุง”แล้วชื่อ “คลองมหานาค” เล่า ได้มาจากไหนว.วินิจฉัยกุล ย้อนอดีตไปสมัยกรุงศรีอยุธยา เสร็จสิ้นมหายุทธสงครามครั้งที่ 1 พ.ศ.2091 สงครามช้างเผือกครั้งนั้น เป็นสงครามใหญ่ครั้งแรก ของอาณาจักรศรีอยุธยากับหงสาวดีจบลงที่ความสูญเสียหลายอย่างของไทย ที่ลืมไม่ได้ คือสูญเสียสมเด็จพระศรีสุริโยทัยเมื่อสงครามจบ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ทรงเริ่มเห็นความจำเป็นที่จะต้องคิดอ่านป้องกันพระนคร เปลี่ยนปราการเชิงเทินถมดินปักระเนียดไม้ มาเป็นกำแพงก่ออิฐสอปูนแบบฝรั่ง เรียกว่าป้อมเพชรพระราชวังตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ใกล้ทางปืนข้าศึกมากไป ก็โปรดเกล้าฯให้ขุดคลองเป็นคูพระนคร ห่างออกไปถึงชายทุ่งภูเขาทอง กันข้าศึกไว้อีกชั้นหนึ่งงานขุดคลองเป็นงานใหญ่ ต้องใช้กำลังคนมาก ทางการเกณฑ์ไพร่และเลกก็ยังไม่พอ ต้องขอบารมีพระมหานาค วัดภูเขาทอง ช่วยนำญาติโยมและลูกศิษย์ ซึ่งมีมากมายออกมาช่วยฉากตอนนี้ ผมเคยดูหนังท่านมุ้ยจำได้ว่า ยอดชาย เมฆสุวรรณ เล่นเป็นพระมหานาค โกนหัวห่มเหลือง เอาจริงเอาจังกับงานขุดคลองจนจีวรปลิวแต่ในเรื่องจริง ว.วินิจฉัยกุล เขียนว่า เป็นพระคุมคนมากๆทำงานหนัก ดูจะขัดกับสมณวิสัย มหานาคจึงสึกออกมา เล่นบทหลงจู๊ คุมคนขุดคลองเต็มตัว จนเสร็จเรียบร้อยงานนี้ ทั้งเจ้าทั้งไพร่ ยอมยกให้เป็นบารมีของพระ จึงพร้อมใจกันตั้งชื่อคลองนั้นว่า “คลองมหานาค”สิ้นสมัยสมเด็จพระนเรศวรฯ พม่าไม่มายุ่งกับไทยกว่าร้อยห้าสิบปี บ้านเมืองปกติสุข ถึงฤดูน้ำ คลองมหานาคก็กลายเป็นที่ที่ชาวเมืองไปเล่นเรือ มีการละเล่นต่างๆ รื่นเริงบันเทิงใจกันมาจนสิ้นกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2310เมื่อสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ความสนุกสนานของการเล่นเรือในคลองมหานาค ยังติดตราตรึงใจ คลองรอบกรุงส่วนที่อยู่ใกล้วัดสระเกศ ก็กลายมาเป็นที่เล่นเรือในฤดูน้ำหลากชื่อมหานาค จึงถูกนำมาเป็นชื่อคลองนี้อีกครั้งหนึ่งตัวพระผู้นำญาติโยมขุดคลอง ตายไปนาน นับแต่สงครามพระเจ้าช้างเผือก มาถึงบัดนี้ก็กว่าสี่ร้อยปี แต่ชื่อ “มหานาค” ก็ยังไม่มีใครลืมพระดี คนดี ไม่ว่าเกิดในยุคใดสมัยไหน...ถ้าทำดี ตายไปกี่ร้อยปี คนก็ยังจำได้ ต่างจากคนทำไม่ดี ยังเห็นตัวเป็นๆกันทางทีวีทุกวัน บางคน ชื่อดูเหมือนจะตายไปจากความทรงจำของผู้คนไปแล้ว.กิเลน ประลองเชิง